วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

วิธีเลือกเครื่องปั่นใช้งานถูกใจ แบบนี้แหละใช่เลย !

เครื่องปั่น เป็นอีกเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ทุกบ้านต้องมีไว้ใช้งานกันสัก 1 เครื่องอย่างแน่นอน เพราะเครื่องปั่น สามารถปั่นได้ทั้งผัก ผลไม้ รวมถึงเครื่องปรุง เครื่องเทศต่างๆ ปั่นละเอียดเนียนเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว

เลือกเครื่องปั่น
ภาพจาก williams-sonoma.com

แต่หากคุณเคยเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้า ก็จะพบว่าเครื่องปั่นมีให้เลือกเยอะมากเลยใช่ไหมล่ะ บางทีก็ตัดสินใจไม่ถูกเหมือนกันล่ะเนอะ ว่าจะเลือกเครื่องปั่นรุ่นไหนมาใช้งานกันดี

วันนี้เลยมีเคล็ดลับดีดี ในการเลือกเครื่องปั่น ว่าควรเลือกเครื่องปั่นแบบไหน ถึงจะเหมาะกับการใช้งานของเรามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานที่บ้าน หรือเป็นการนำไปใช้ในเชิงธุรกิจ

ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์


ก่อนอื่นเลยเราต้องตอบโทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเราเองก่อน ว่าเราจะเอาเครื่องปั่นมาใช้ทำอะไร เน้นปั่นผลไม้ เน้นปั่นเครื่องเทศ เครื่องปรุงอาหาร หรือจะใช้เครื่องปั่นมาประกอบอาชีพหลัก เพื่อที่จะได้กำหนดคุณสมบัติของเครื่องปั่นได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด

เลือกเครื่องปั่น
ภาพจาก Forbes

เครื่องปั่นก็จะมีให้เลือกอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือแบบที่ไม่ใหญ่มาก เน้นเรื่องของความรวดเร็วในการปั่น ใช้งานได้ทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน พกพาสะดวก และเครื่องปั่นอีกประเภทคือ เครื่องปั่นขนาดใหญ่ ที่สามารถใช้งานได้ครอบคลุม

เครื่องปั่นแบบแก้ว


เครื่องปั่นแบบแก้ว เป็นเครื่องปั่นขนาดเล็ก ที่จะเหมาะกับการปั่นน้ำผลไม้สดเป็นหลัก ปั่นแล้วสามารถยกดื่มได้เลย บางรุ่นเนี่ยมีฝาปืดให้ใช้เป็นกระบอกน้ำได้ด้วย สะดวกมากๆ

เลือกเครื่องปั่น
ภาพจาก Engadget

เครื่องปั่นแบบมือจับ


เครื่องปั่นแบบมือจับ เป็นเครื่องปั่นที่เราสามารถนำไปปั่นในภาชนะของเราได้เลย โดยไม่ต้องใส่โถปั่น สะดวกต่อการพกพา และใช้งานง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นภาชนะเล็ก หรือใหญ่ เจ้าเครื่องปั่นแบบมือจับ ก็สามารถบดละเอียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เลือกเครื่องปั่น
ภาพจาก The Independent

เครื่องปั่นแบบมาตราฐาน


เครื่องปั่นแบบมาตราฐาน เหมาะสำหรับคุณแม่บ้าน ที่ต้องการเครื่องปั่นไว้ใช้งานสำหรับงานครัว ไม่ว่าจะเป็นการปั่นผัก ผลไม้ หรือเครื่องเทศ เครื่องปั่นแบบมาตราฐาน ก็สามารถใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม มีให้เลือกหลายขนาด แล้วแต่ว่าคุณจะนำไปใช้งานอย่างไร

เลือกเครื่องปั่น
ภาพจาก Groupon

ปล. บอกก่อนว่า เครื่องแน จะทำหน้าที่ปั่นและบดอาหารและเครื่องปรุงได้จำนวนมากก็จริง แต่ก็ไม่ควรที่จะใส่วัตถุดิบมากเกินครึ่งโถนะคะ เพราะจะเป็นการทำให้เครื่องปั่นทำงานหนักมากเกินไป และแน่นอนว่าประสิทธิภาพในการปั่นก็ลดลงด้วยค่ะ

ฟังก์ชันการทำงานของเครื่องปั่น


ฟังก์ชันการทำงานของเครื่องปั่น นอกจากการปั่นละเอียดแล้ว ก็ควรจะมีฟังก์ชันเสริมอื่นๆ ที่ช่วยทำให้การประกอบอาหาร สามารถทำได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น

  • Low – High ปรับควมเร็วและความแรงในการปั่น
  • Ice Breaker ปั่นน้ำแข็งให้เป็นแบบสมูทตี้
  • Stir ระบบสำหรับการกวนหรือคนวัตถุดิบ
  • Puree ระบบสำรับการบดละเอียด
  • Crumb ระบบสำหรับการบดแบบหยาบๆ
เลือกเครื่องปั่น
ภาพจาก Simply Love Gardening


กำลังไฟเครื่องปั่น


ในส่วนของเรื่องกำลังไฟฟ้าของเครื่องปั่น เราสามารถดูไดจากตัวฐานของเครื่อง (ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ตรงนี้) โดยสัญลักษณ์จะเป็นตัวอักษร W ซึ่งตัวเลขไม่ควรต่ำกว่า 200 W สำหรับใช้งานทั่วไปที่บ้าน

แต่หากคุณกำลังมองหาเครื่องปั่นไว้ใช้ประกอบอาชีพจริงจัง แนะนำว่ากำลังไฟไม่ควรต่ำกว่า 600 W แต่หากที่ร้านขายดีมากๆ ก็ควรจัดเครื่องปั่นรุ่นใหญ่ไปเลยขนาด 1000 W ค่ะ

เพราะถ้าหากเราเลือกเครื่องปั่นที่กำลังไฟฟ้าต่ำเกินไปสำหรับการใช้งาน ตัวมอเตอร์อาจจะไหม้และเสื่อมสมรรถภาพลงได้ง่าย แต่หากเลือกซื้อขนาดที่ใหญ่เกินไป ก็จะไม่คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนสักเท่าไหร่ค่ะ ดังนั้นเวลาเลือกก็ต้องดูด้วยว่า เราเอาไปใช้งานมากน้อยแค่ไหน เพื่อเลือกกำลังไฟได้อย่างเหมาะสม

เลือกเครื่องปั่น

วัสดุอุปกรณ์เครื่องปั่น


วัสดุอุปกรณ์ของเครื่องปั่น เป็นอีกอย่างที่เราต้องพิจารณาร่วมด้วย ไม่ควรมองข้าม วัสดุอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นโถปั่น ใบมีด ก็ควรเลือกเป็นวัสดุที่ดี มีคุณภาพและทนทาน

โถปั่น : ควรเลือกเป็นพลาสติกเกรดดีจำพวก Polycarbonate เป็นวัสดุที่มีคุณภาพและความทนทานสูง ไม่แตกง่าย ที่สำคัญคือควรเลือกเครื่องปั่นจากแบรนด์ที่รองรับเรื่องของความปลอดภัยจากสารปนเปื้อน เพราะพลาสติดเกรดต่ำอาจจะมีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเรา

ใบมีด : ใบมีดควรที่จะต้องเลือกเป็นสแตนเลส ที่มีความแข็งแรง คม และไม่เกิดสนิม อายุการใช้งานยาวนานมากกว่า และมั่นใจได้เลยว่าวัตถุดิบที่นำมาปั่น จะเนียนละเอียดอย่างที่เราต้องการแน่นอน

เลือกเครื่องปั่น
ภาพจาก Ginny's

ราคาเครื่องปั่น


มาถึงเรื่องที่สำคัญมากที่สุดคือ เรื่องของราคาเครื่องปั่นนั่นเอง เราจะต้องกำหนดก่อนว่า ตัวเรานั่นมีงบประมาณอยู่ที่เท่าไหร่ สำหรับคุณแม่บ้านที่อยากจะได้เครื่องปั่นมาตราฐานมาใช้งานที่บ้าน ก็ตั้งงบไว้ประมาณ 1,500 – 3,000 บาทก็เพียงพอ

แต่สำหรับคนที่อยากจะได้เครื่องปั่นมาใช้ประกอบอาชีพ ก็ต้องเลือกที่มีฟังก์ชันเยอะมากขึ้นอีก ราคาก็จะสูงขึ้นไป อาจจะถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว

เครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อได้ดี แบรนด์ไหนคุ้มค่า และเหมาะสมกับบ้านเรามากที่สุด

หากใครที่กำลังมองหาตัวช่วยแสนดีในการทำความสะอาดบ้าน บอกเลยว่า เครื่องดูดฝุ่น ยี่ห้ออะไรดี แบรนด์ไหนคุ้มค่า บอกตรงๆว่า อันนี้ก็ตอบยากพอสมควร เพราะการเลือกเครื่องดูดฝุ่น จะต้องดูจากอะไรหลายๆอย่าง นอกจากแบรนด์เครื่องดูดฝุ่นแล้ว เราจะต้องพิจารณาจากปัจจัยอื่นๆอีก เช่น ลักษณะของบ้าน ขนาดพื้นที่ หรือลักษณะการใช้งาน

เครื่องดูดฝุ่น
ภาพจาก Bounce Energy

ดังนั้นวันนี้เลยแวะเอาหลักการพิจารณาเครื่องดูดฝุ่น ผู้ช่วยมือวางอันดับ 1 ในการทำความสะอาดบ้านมาฝากกัน บอกเลยว่าอ่านบทความนี้จบลง ก็สามารถเดินออกไปเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นที่ถูกใจ ใช้งานเต็มประสิทธิภาพได้อย่างแน่นอนจ้า

ปัจจัยหลักในการพิจารณาเครื่องดูดฝุ่น


หลักการในการเลือกเครื่องดูดฝุ่น นอกเหนือจากเรื่องของแบรนด์แล้ว ก็จะมีหลักๆอยู่ 2 หัวข้อ คือ ลักษณะพื้นที่การใช้งาน และ คุณสมบัติของตัวเครื่อง เรามาเริ่มจากหัวข้อแรก “ลักษณะพื้นที่การใช้งาน” กันก่อนเลย !

1. ขนาดของพื้นที่อยู่อาศัย


ก่อนอื่นเลยเราต้องสำรวจพื้นที่ภายในบ้านของเราก่อน ว่าเราจะนำเครื่องดูดฝุ่นมาใช้ทำความสะอาดตรงบริเวณไหน กว้างขวางมากน้อยแค่ไหน เพราะขนาดพื้นที่ในการทำความสะอาด ยิ่งกว้าง ก็ต้องเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น กำลังไฟก็ต่างกัน พลังการดูด รวมถึงความจุของกล่องใส่ฝุ่นด้วย

เพราะหากเราเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีขนาดพอดีกับการใช้งาน ห้องของเราก็จะสะอาด และเครื่องดูดฝุ่นก็ไม่ต้องทำงานหนักมากเกินไปอีกด้วย

2. ลักษณะของบ้าน


ขึ้นชื่อว่าบ้าน หรือที่อยู่อาศัย การตกแต่งภายในแน่นอนว่าต้องประดับประดาด้วยของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ คงไม่มีบ้านไหนเป็นพื้นที่โล่งๆทั้งหมดหรอกใช่ไหมล่ะ?

ซอกมุมต่างๆ ที่บางทีกวาดด้วยไม้กวาดอาจจะสะอาดไม่ทั่วถึง ดังนั้นเราจึงต้องตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า เราจะนำเครื่องดูดฝุ่นมาทำความสะอาดมุมไหนของบ้าน เพื่อที่จะเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการทำความสะอาดมากที่สุด

3. สมาชิกภายในครอบครัว


สำหรับบ้านที่มีสมาชิกภายในครอบครัวที่ค่อนข้างเยอะ ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ และสัตว์เลี้ยง หรือผู้ที่ป่วยเนโรคภูมิแพ้ การเลือกเครื่องดูดฝุ่น ก็จะต้องเลือกแบบที่สามารถกรองฝุ่นละอองได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยตัวแผ่นกรองจะต้องเป็นแผ่นกรอง HEPA ที่มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่นสูงมาก

คุณสมบัติของตัวเครื่องดูดฝุ่น


สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อมา คือเรื่องของคุณสมบัติ และลักษณะของตัวเครื่องดูดฝุ่น ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบมาก เช่น เครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สาย เครื่องดูดฝุ่นแบบถุงและไม่มีถุง เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ ซึ่งเครื่องดูดฝุ่นแต่ละรูปแบบ ก็มีความแตกต่าง และลักษณะการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน การเลือกเครื่องดูดฝุ่น จึงต้องเลือกให้เหมาะสม เพื่อความสะดวกในการใช้งาน และทำความสะอาดบ้านได้อย่างหมดจดมากที่สุด

เครื่องดูดฝุ่น
ภาพจาก Expert Reviews

1. ขนาดและลักษณะของเครื่องดูดฝุ่น


อย่างที่บอกแต่แรกว่า เครื่องดูดฝุ่นแต่ละประเภท ก็มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกก็ขึ้นอยู่กับว่า เรานำไปใช้กับงานลักษณะไหน ยกตัวอย่างเช่น เครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สาย ที่คุณสามารถใช้ทำความสะอาดได้ทั่วทุกพื้นที่ แม้ในมุมที่สายไฟไปไม่ถึง ก็สามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง

อีกตัวอย่างคือ เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่หลายบ้านเริ่มนำมาใช้งานกันมากขึ้น เพราะเจ้าเครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ เหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ชอบกวาดบ้านเอง (ฮ่าๆ) เพราะมันจะทำความสะอาดพื้นบ้านของคุณให้สะอาดหมดจดได้แบบอัตโนมัติ!

2. ถุงเก็บฝุ่น


เมื่อฝุ่นถูกดูดเข้าไปด้านในก็จะไปรวมกันอยู่ที่ถุงเก็บฝุ่น ที่มีให้เลือกทั้งแบบใช้ซ้ำได้ และใช้แล้วทิ้งเลย โดยถุงเก็บฝุ่นแบบกระดาษจะสามารถใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว ก็ต้องถอดเปลี่ยน แต่มีข้อดีคือสามรถดักกรองฝุ่นที่มีขนาดเล็กได้ถึง 0.1 ไมครอน ในขณะที่ถุงกรองจากใยสังเคราะห์และผ้า ที่ถอดออกมาทำความสะอาดซ้ำ จะสามารถกรองฝุ่นขนาด 0.3-0.5 ไมครอนเท่านั้น

3. การกรองฝุ่น


หลักจากดูดฝุ่นเข้าไปที่ถุงกรองเรียบร้อยแล้ว อากาศก็จะถูกปล่อยออกไปอีกทาง โดยมีแผ่นกรองฝุ่นเป็นตัวดักอยู่ในขั้นต่อไปเพื่อให้อากาศที่ปล่อยออกมานั้นมีความบริสุทธิ์มากที่สุด ไม่มีฝุ่นละอองเล็กๆปนเปื้อน ซึ่งแผ่นกรองส่วนใหญ่ที่มีคุณภาพสูง จะสามารถดักจับฝุ่นได้ละเอียดถึง 0.06 ไมครอน (1 ไมครอน = 0.001 มม.)

4. พลังการดูดฝุ่น


ยิ่งเครื่องดูดฝุ่นมีพลังดูดมาก แสดงว่าเปลืองไฟมากขึ้น แปลว่าเราไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีพลังดูดสูงๆมาใช้งานเสมอไปหากไม่จำเป็น

เพราะหากห้องของเราขนาดค่อนข้างเล็ก ฝุ่นสะสมก็มีไม่มาก ก็ใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบกำลังไฟไม่ต้องสูงมาก แต่หากห้องของคุณกว้างขวาง และมีจุดที่ทำความสะอาดได้ยาก อย่างเช่น พรมปูพืน ก็เลือกเป็นเครื่องดูดฝุ่นกำลังไฟประมาณ 700 – 1,200 วัตต์ก็เพียงพอ

5. ตัวเสริมหัวดูดฝุ่น


แม้ว่าเครื่องดูดฝุ่นจะเป็นอุปกรณ์หลักในการทำความสะอาด แต่หากเรามีหัวดูดฝุ่น หรือหัวแปรงดูดฝุ่นเพียงรูปแบบเดียว ก็คงไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง เพราะภายในบ้านก็จะมีมุมและซอกหลืบต่างๆ ที่ไม่สามาระทำความสะอาดได้อย่างสะดวก หัวแปลงและหัวดูดฝุ่นนี่แหละ เป็นตัวที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด เข้าถึงทุกซอกและมุม จะมุมแคบ มุมลึกแค่ไหน เครื่องดูดฝุ่นก็สามารถทำความสะอาดได้อย่างดีเยี่ยม

6. ราคาและการรับประกัน


บางครั้งของดีก็ไม่ได้มีราคาที่แพงเสมอไป แต่ของที่ดี จะต้องเป็นของที่ใช้งานได้อย่างตอบโจทย์ และราคาก็ต้องเหมาะสม ไม่แพงจนเกินไป ควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าในการใช้งาน ฟังก์ชันและฟีเจอร์ เราสามารถนำไปใช้กับที่บ้านได้จริงหรือไม่

รวมถึงเรื่องของการรับประกันคุณภาพ เครื่องดูดฝุ่นจะต้องมีฉลาก มอก. และรับประกันเรื่องของอุปกรณ์ และการซ่อมแซม รวมถึงเรื่องของบริการหลังการขายด้วย หากเครื่องดูดฝุ่นมีปัญหา สามารถส่งซ่อมได้สะดวกหรือไม่ ถ้าหากทุกอย่างโอเค ก็จัดไปเลยค่ะสักเครื่อง !

วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เคล็ดลับการทำความสะอาดและจัดระเบียบตู้เย็นอย่างมืออาชีพ

ตู้เย็น เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าคู่บ้าน ที่เราเอาไว้เก็บอาหารสด หรืออาหารที่ได้รับการปรุงแต่งแล้ว ให้สามารถอยู่รับประทานได้ยาวนานมากขึ้นและยังคงความอร่อยและสดเหมือนใหม่อยู่เสมอ

แต่บางครั้งเราก็เผลอตัวล่ะเนอะ เลือกซื้ออาหารมาเยอะแยะ ตุนเสบียงเอาไว้เผื่อวันหยุด หรือช่วงเวลากลางคืนที่เรามักจะเกิดความหิวโหยมากกว่าปกติ แต่ตอนเราซื้อก็ลืมไปเนอะว่า มีอยู่ที่บ้านอยู่แล้ว ซื้อมาซ้ำเดิม จนบางทีก็ปล่อยให้หมดอายุ ส่งกลิ่นเหม็นตบลอบอวลอยู่ในตู้เย็น

จัดตู้เย็น
ภาพจาก Closet & Storage Concepts

เมื่อตู้เย็นส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ออกมา มันก็คงที่จะถึงเวลาทำความสะอาดตู้เย็นสักครั้งแล้วล่ะ แต่การทำความสะอาดตู้เย็น ก็ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว ยิ่งบ้านไหนตู้เย็นใหญ่โต ยิ่งต้องใช้เวลาในการทำความสะอาดมากขึ้น

แต่ว่าหากคุณรู้จักวางแฟนและจัดวางขั้นตอนการทำความสะอาด รับรองได้เลยว่า การทำความสะอาดตู้เย็นที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็นเล็กหรือใหญ่ ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายและไม่เหนื่อยมากเกินไปอีกด้วยค่ะ

วันนี้เลยแวะเอาเทคนิคและขั้นตอนการทำความสะอาด พร้อมกับการจัดระเบียบตู้เย็นแบบง่ายๆ รับรองเลยว่าทำตามทุกขั้นตอนในบทความนี้แล้ว ตู้เย็นที่บ้านจะกลับมาสะอาดเหมือนใหม่น่าใช้งานเหมือนเดิมเลยจ้า

ขั้นตอน 1 : เตรียมตัวให้พร้อมก่อนทำความสะอาด


ก่อนที่เราจะเริ่มลงมือทำความสะอาดตู้เย็น ควรนำเอาของที่อยู่ในตู้เย็นทั้งหมดออกมาวางเรียงกัน เพื่อแยกประเภท และจัดเรียงตามวันและเวลาหมดอายุ อะไรที่มันหมดอายุแล้วก็ควรทิ้งไปเลยเนอะ อย่าเสียดาย หรือคิดไปว่ามันยังกินได้อยู่ล่ะ (ฮ่าๆ) … เมื่อนำของออกมาหมดแล้ว ก็ถอดปลั๊กออกและละลายน้ำแข็ง

จัดตู้เย็น
ภาพจาก One Good Thing by Jillee

ขั้นตอน 2 : ลงมือทำความสะอาด


ไหนๆเราก็คิดจะทำความสะอาดตู้เย็นครั้งใหญ่กันแล้วเนอะ เอาจัดเต็มกันไปเลย ไม่สะอาด ไม่เลิก ! ทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงจุดซอกมุมเล็กๆอย่างพวกขอบยางประตู ที่สามารถทำความสะอาดได้ด้วยน้ำผสมสบู่เจือจางอ่อนๆ ขจัดคราบได้ดี แถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆให้สูดดมชื่นใจอีกด้วย

ส่วนภายในตู้เย็น ให้ดึงเอาชั้นวางของออกมาล้างทำความสะอาดให้หมด ล้างด้วยน้ำยาล้างจานธรรมดานี่แหละ และนำไปผึ่งให้แง สุดท้ายคือ จัดการเช็ดภายในตู้เย็นด้วยน้ำสบู่ หรือ น้ำยาล้างจานแบบเจือจาง ให้ทั่วทุกซอกทุกมุม

จัดตู้เย็น
ภาพจาก guiadossolteiros.com

ขั้นตอน 3 : จัดเก็บกลับเข้าที่เดิม


เมื่อเราทำความสะอาดภายในตู้เย็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช็คอีกครั้งว่าทุกอย่างแห้งและสะอาดหมดจดเรียบร้อย ก็นำชั้นวางของกลับมาเก็บใส่เข้าที่ และจัดเรียงหมวดหมู่ของอาหารแต่ละประเภทให้เหมาะสม ถูกตำแหน่ง เพื่อสามารถหยิบใช้งานได้ง่าย และคงความสดใหม่ได้ยาวนานมากขึ้น (บทความแนะนำ : วิธีเก็บอาหารในตู้เย็นให้สดใหม่ยาวนาน)

จัดตู้เย็น

ขั้นตอน 4 : กำจัดกลิ่น


บางครั้งการทำความสะอาดแบบเนี๊ยบสุดๆแล้ว ก็ยังแอบมีกลิ่นอับอันไม่พึงประสงค์หลงเหลืออยู่บ้างเล็กๆ หลายคนก็อาจจะปวดหัวว่าจะกำจัดกลิ่นเหล่านี้ออกไปยังไงดี?

จัดตู้เย็น
ภาพจาก Homelife

วิธีการกำจัดกลิ่นตามหลักธรรมชาติเราก็สามารถทำได้ง่ายมากๆ แบบไม่ต้องพึ่งสารเคมี คือการใช้พวกมะนาว มะกรูด หรือ ถ่าน เอามาใส่ไว้ในตู้เย็น วางไว้ตามมุมต่างๆ และเปลี่ยนทุกๆ 1-2 อาทิตย์ เพียงเท่านี้ตู้เย็นของเราก็หอมชื่นใจแล้วล่ะค่ะ (บทความ : ดับกลิ่นอับในตู้เย็นง่ายด้วยของใกล้ตัว)

ขั้นตอน 5 : ประหยัดพื้นที่ในตู้เย็น


ถึงแม้ว่าตู้เย็นจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับเก็บอาหาร ของสด ผัก ผลไม้ แต่พื้นที่ของตู้เย็นก็มีจำกัด ดังนั้นเรื่องของการจัดระเบียบภายในตู้เย็น จึงเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ตู้เย็นที่บ้านของเรา สะอาดสะอ้าน จะหยิบจับใช้อะไรก็สะดวกมากขึ้น

จัดตู้เย็น
ภาพจาก Simply Organized

วัตถุดิบต่างๆ ควรนำออกจากถุงพลาสติก และจัดเก็บใส่กล่องซุปเปอร์แวร์ แล้วนำมาวางทับซ้อนกันเป็นเหมือนกับชั้นเก็บของขนาดย่อม จัดเก็บและแบ่งแยกประเภทของอาหารทุกอย่างให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย (บทความเพิ่มเติม : เทคนิคจัดตู้เย็นเพิ่มพื้นที่จัดเก็บ ของเยอะยังไงก็ไม่ล้นแน่นอน !)

ทีนี้เราก็พอที่จะรู้กันแล้วเนอะว่า การจัดเก็บและทำความสะอาดตู้เย็น ไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลังของเราเอง หากวันไหนมีเวลาว่าง ก็ใช้เวลาในการทำความสะอาดตู้เย็นกันสักหน่อย คงไม่ยากลำบากกันจนเกินไปเนอะ อ่อ! การทำความสะอาดตู้เย็นก็นานๆทำทีก็ได้ สัก 1-2 เดือนครั้งก็พอจ้า

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

พัดลมดูดควันสำคัญอย่างไร ทำไม๊ ทำไมที่บ้านต้องมี ?

ในห้องครัวที่บ้าน เวลาเราทำอาหารเนี่ย ควันเควินจากฟืนไฟฟุ้งกระจายเต็มไปหมด ถึงแม้ว่าห้องครัวจะมีหน้าต่างเพื่อระบายอากาศอยู่แล้ว แต่บางทีควันก็เยอะมากๆ จนคนที่ยืนทำอาหารอยู่ในห้องครัวก็แทบจะเป็นลม “พัดลมดูดควัน” จึงเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะช่วยระบายควันในห้องครัวได้รวดเร็วมากขึ้น

พัดลมดูดควัน
ภาพจาก bentyl.us

พัดลมดูดควัน เป็นตัวเลือกช่วยระบายอากาศภายในห้องครัว อีกทางเลือกสำหรับคนที่อยากจะระบายอากาศภายในห้องครัวอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องของการระบายกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ให้หมุนเวียนเปลี่ยนถ่ายออกนอกตัวบ้าน ส่งผลให้อากาศภายในห้องครัวมีความปลอดโปร่งมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

เพราะบางครั้งการที่เราทำอาหาร กลิ่นต่างๆอาจจะสะสมเกาะติดแน่นอยู่ตามของใช้ต่างๆ ส่งผลให้ภายในห้องครัวมีกลิ่นชวนหงุดหงิด จนบางครั้งอาจจะพาลให้ไม่อยากที่จะเดินเข้าครัวไปเลยก็ได้

ดังนั้นการติดตั้งพัดลมดูดควันก็จะช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของกลิ่น และดูดควันจากการประกอบอาหารได้ในระดับนึง โดยพัดลมดูดควันก็มีให้เลือกอยู่ 3 ประเภท ได้แก่ พัดลมดูดควันแบบติดผนัง, พัดลมดูดควันแบบติดกระจก และ พัดลมดูดควันแบบติดเพดาน

พัดลมดูดควันรุ่นแนะนำ


ไหนๆเราก็พูดกันถึงประโยชน์ของพัดลมดูดควันแล้ว หลายคนก็คงอยากเริ่มติตั้งพัดลมดูดควันไว้ใช้งานที่บ้านกัน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเลือกพัดลมดูดควันรุ่นไหนมาใช้งานดี วันนี้เลยแวะเอาพัดลมดูดควันรุ่นแนะนำมาฝากกัน พร้อมชี้แหล่งขายให้ติดตามไปสอยกันได้เลยทันที !

พัดลมดูดอากาศเพดาน 8นิ้ว MITSUBISHI EX-20SSCT


MITSUBISHI รุ่น EX-20SSCT ดีไซน์เรียบง่าย ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี เเข็งเเรง ทนทาน พัดลมดูดอากาศช่วยขจัดความชื้นกลิ่นอับหรือควัน ที่ไม่พึงประสงศ์ได้อย่างรวดเร็ว เป็นพัดลมดูดอากาศ ดีไซน์เรียบง่าย รูปทรงสวยงามรูปลักษณ์ที่กะทัดรัด เหมาะสำหรับอาคารสำนักงานและที่พักอาศัยช่วยระบายอากาศได้เป็นอย่างดี ราคาถูก ประหยัด คุ้มค่าต่อการใช้งาน

สั่งซื้อ > https://www.homepro.co.th/product/1095031

พัดลมระบายอากาศติดผนัง 10" HATARI HF-VW25M4(G)

พัดลมดูดควัน

  • ระบบการทำงานด้วยสวิตซ์อัตโนมัติ (AUTOMATIC SHUTTER)
  • มอเตอร์ประสิทธิภาพสูงด้วยระบบรองลื่นอัตโนมัติบอล แบร์ริ่ง (BALL BEARING)
  • เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบตัดไฟอัตโนมัติเทอร์โมฟิวส์ (THERMAL FUSE)
  • พร้อมหน้ากากพัดลม เพิ่มความสวยงามลงตัวกับมุมที่ติดตั้ง
  • สะดวกในการทำความสะอาด ด้วยฝาดักน้ำมันที่ตัวเครื่องถอดล้างได้
  • ติดตั้งง่าย ด้วยวงกบพลาสติกที่ได้มาตรฐาน กันปลวก กันเชื้อรา ไม่ผุกร่อน ทนทานต่อการใช้งาน
  • รับประกันมอเตอร์นาน 3 ปี


สั่งซื้อ > https://www.homepro.co.th/product/283028