วิธีเลือกเครื่องปั่นใช้งานถูกใจ แบบนี้แหละใช่เลย !
เครื่องปั่น เป็นอีกเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ทุกบ้านต้องมีไว้ใช้งานกันสัก 1 เครื่องอย่างแน่นอน เพราะเครื่องปั่น สามารถปั่นได้ทั้งผัก ผลไม้ รวมถึงเครื่องปรุง เครื่องเทศต่างๆ ปั่นละเอียดเนียนเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว
แต่หากคุณเคยเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้า ก็จะพบว่าเครื่องปั่นมีให้เลือกเยอะมากเลยใช่ไหมล่ะ บางทีก็ตัดสินใจไม่ถูกเหมือนกันล่ะเนอะ ว่าจะเลือกเครื่องปั่นรุ่นไหนมาใช้งานกันดี
วันนี้เลยมีเคล็ดลับดีดี ในการเลือกเครื่องปั่น ว่าควรเลือกเครื่องปั่นแบบไหน ถึงจะเหมาะกับการใช้งานของเรามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานที่บ้าน หรือเป็นการนำไปใช้ในเชิงธุรกิจ
ก่อนอื่นเลยเราต้องตอบโทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเราเองก่อน ว่าเราจะเอาเครื่องปั่นมาใช้ทำอะไร เน้นปั่นผลไม้ เน้นปั่นเครื่องเทศ เครื่องปรุงอาหาร หรือจะใช้เครื่องปั่นมาประกอบอาชีพหลัก เพื่อที่จะได้กำหนดคุณสมบัติของเครื่องปั่นได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด
เครื่องปั่นก็จะมีให้เลือกอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือแบบที่ไม่ใหญ่มาก เน้นเรื่องของความรวดเร็วในการปั่น ใช้งานได้ทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน พกพาสะดวก และเครื่องปั่นอีกประเภทคือ เครื่องปั่นขนาดใหญ่ ที่สามารถใช้งานได้ครอบคลุม
เครื่องปั่นแบบแก้ว เป็นเครื่องปั่นขนาดเล็ก ที่จะเหมาะกับการปั่นน้ำผลไม้สดเป็นหลัก ปั่นแล้วสามารถยกดื่มได้เลย บางรุ่นเนี่ยมีฝาปืดให้ใช้เป็นกระบอกน้ำได้ด้วย สะดวกมากๆ
เครื่องปั่นแบบมือจับ เป็นเครื่องปั่นที่เราสามารถนำไปปั่นในภาชนะของเราได้เลย โดยไม่ต้องใส่โถปั่น สะดวกต่อการพกพา และใช้งานง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นภาชนะเล็ก หรือใหญ่ เจ้าเครื่องปั่นแบบมือจับ ก็สามารถบดละเอียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องปั่นแบบมาตราฐาน เหมาะสำหรับคุณแม่บ้าน ที่ต้องการเครื่องปั่นไว้ใช้งานสำหรับงานครัว ไม่ว่าจะเป็นการปั่นผัก ผลไม้ หรือเครื่องเทศ เครื่องปั่นแบบมาตราฐาน ก็สามารถใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม มีให้เลือกหลายขนาด แล้วแต่ว่าคุณจะนำไปใช้งานอย่างไร
ปล. บอกก่อนว่า เครื่องแน จะทำหน้าที่ปั่นและบดอาหารและเครื่องปรุงได้จำนวนมากก็จริง แต่ก็ไม่ควรที่จะใส่วัตถุดิบมากเกินครึ่งโถนะคะ เพราะจะเป็นการทำให้เครื่องปั่นทำงานหนักมากเกินไป และแน่นอนว่าประสิทธิภาพในการปั่นก็ลดลงด้วยค่ะ
ฟังก์ชันการทำงานของเครื่องปั่น นอกจากการปั่นละเอียดแล้ว ก็ควรจะมีฟังก์ชันเสริมอื่นๆ ที่ช่วยทำให้การประกอบอาหาร สามารถทำได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น
ในส่วนของเรื่องกำลังไฟฟ้าของเครื่องปั่น เราสามารถดูไดจากตัวฐานของเครื่อง (ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ตรงนี้) โดยสัญลักษณ์จะเป็นตัวอักษร W ซึ่งตัวเลขไม่ควรต่ำกว่า 200 W สำหรับใช้งานทั่วไปที่บ้าน
แต่หากคุณกำลังมองหาเครื่องปั่นไว้ใช้ประกอบอาชีพจริงจัง แนะนำว่ากำลังไฟไม่ควรต่ำกว่า 600 W แต่หากที่ร้านขายดีมากๆ ก็ควรจัดเครื่องปั่นรุ่นใหญ่ไปเลยขนาด 1000 W ค่ะ
เพราะถ้าหากเราเลือกเครื่องปั่นที่กำลังไฟฟ้าต่ำเกินไปสำหรับการใช้งาน ตัวมอเตอร์อาจจะไหม้และเสื่อมสมรรถภาพลงได้ง่าย แต่หากเลือกซื้อขนาดที่ใหญ่เกินไป ก็จะไม่คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนสักเท่าไหร่ค่ะ ดังนั้นเวลาเลือกก็ต้องดูด้วยว่า เราเอาไปใช้งานมากน้อยแค่ไหน เพื่อเลือกกำลังไฟได้อย่างเหมาะสม
วัสดุอุปกรณ์ของเครื่องปั่น เป็นอีกอย่างที่เราต้องพิจารณาร่วมด้วย ไม่ควรมองข้าม วัสดุอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นโถปั่น ใบมีด ก็ควรเลือกเป็นวัสดุที่ดี มีคุณภาพและทนทาน
โถปั่น : ควรเลือกเป็นพลาสติกเกรดดีจำพวก Polycarbonate เป็นวัสดุที่มีคุณภาพและความทนทานสูง ไม่แตกง่าย ที่สำคัญคือควรเลือกเครื่องปั่นจากแบรนด์ที่รองรับเรื่องของความปลอดภัยจากสารปนเปื้อน เพราะพลาสติดเกรดต่ำอาจจะมีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเรา
ใบมีด : ใบมีดควรที่จะต้องเลือกเป็นสแตนเลส ที่มีความแข็งแรง คม และไม่เกิดสนิม อายุการใช้งานยาวนานมากกว่า และมั่นใจได้เลยว่าวัตถุดิบที่นำมาปั่น จะเนียนละเอียดอย่างที่เราต้องการแน่นอน
มาถึงเรื่องที่สำคัญมากที่สุดคือ เรื่องของราคาเครื่องปั่นนั่นเอง เราจะต้องกำหนดก่อนว่า ตัวเรานั่นมีงบประมาณอยู่ที่เท่าไหร่ สำหรับคุณแม่บ้านที่อยากจะได้เครื่องปั่นมาตราฐานมาใช้งานที่บ้าน ก็ตั้งงบไว้ประมาณ 1,500 – 3,000 บาทก็เพียงพอ
แต่สำหรับคนที่อยากจะได้เครื่องปั่นมาใช้ประกอบอาชีพ ก็ต้องเลือกที่มีฟังก์ชันเยอะมากขึ้นอีก ราคาก็จะสูงขึ้นไป อาจจะถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว
ภาพจาก williams-sonoma.com
วันนี้เลยมีเคล็ดลับดีดี ในการเลือกเครื่องปั่น ว่าควรเลือกเครื่องปั่นแบบไหน ถึงจะเหมาะกับการใช้งานของเรามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานที่บ้าน หรือเป็นการนำไปใช้ในเชิงธุรกิจ
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์
ก่อนอื่นเลยเราต้องตอบโทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเราเองก่อน ว่าเราจะเอาเครื่องปั่นมาใช้ทำอะไร เน้นปั่นผลไม้ เน้นปั่นเครื่องเทศ เครื่องปรุงอาหาร หรือจะใช้เครื่องปั่นมาประกอบอาชีพหลัก เพื่อที่จะได้กำหนดคุณสมบัติของเครื่องปั่นได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด
ภาพจาก Forbes
เครื่องปั่นแบบแก้ว
เครื่องปั่นแบบแก้ว เป็นเครื่องปั่นขนาดเล็ก ที่จะเหมาะกับการปั่นน้ำผลไม้สดเป็นหลัก ปั่นแล้วสามารถยกดื่มได้เลย บางรุ่นเนี่ยมีฝาปืดให้ใช้เป็นกระบอกน้ำได้ด้วย สะดวกมากๆ
ภาพจาก Engadget
เครื่องปั่นแบบมือจับ
เครื่องปั่นแบบมือจับ เป็นเครื่องปั่นที่เราสามารถนำไปปั่นในภาชนะของเราได้เลย โดยไม่ต้องใส่โถปั่น สะดวกต่อการพกพา และใช้งานง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นภาชนะเล็ก หรือใหญ่ เจ้าเครื่องปั่นแบบมือจับ ก็สามารถบดละเอียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภาพจาก The Independent
เครื่องปั่นแบบมาตราฐาน
เครื่องปั่นแบบมาตราฐาน เหมาะสำหรับคุณแม่บ้าน ที่ต้องการเครื่องปั่นไว้ใช้งานสำหรับงานครัว ไม่ว่าจะเป็นการปั่นผัก ผลไม้ หรือเครื่องเทศ เครื่องปั่นแบบมาตราฐาน ก็สามารถใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม มีให้เลือกหลายขนาด แล้วแต่ว่าคุณจะนำไปใช้งานอย่างไร
ภาพจาก Groupon
ฟังก์ชันการทำงานของเครื่องปั่น
ฟังก์ชันการทำงานของเครื่องปั่น นอกจากการปั่นละเอียดแล้ว ก็ควรจะมีฟังก์ชันเสริมอื่นๆ ที่ช่วยทำให้การประกอบอาหาร สามารถทำได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น
- Low – High ปรับควมเร็วและความแรงในการปั่น
- Ice Breaker ปั่นน้ำแข็งให้เป็นแบบสมูทตี้
- Stir ระบบสำหรับการกวนหรือคนวัตถุดิบ
- Puree ระบบสำรับการบดละเอียด
- Crumb ระบบสำหรับการบดแบบหยาบๆ
ภาพจาก Simply Love Gardening
กำลังไฟเครื่องปั่น
ในส่วนของเรื่องกำลังไฟฟ้าของเครื่องปั่น เราสามารถดูไดจากตัวฐานของเครื่อง (ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ตรงนี้) โดยสัญลักษณ์จะเป็นตัวอักษร W ซึ่งตัวเลขไม่ควรต่ำกว่า 200 W สำหรับใช้งานทั่วไปที่บ้าน
แต่หากคุณกำลังมองหาเครื่องปั่นไว้ใช้ประกอบอาชีพจริงจัง แนะนำว่ากำลังไฟไม่ควรต่ำกว่า 600 W แต่หากที่ร้านขายดีมากๆ ก็ควรจัดเครื่องปั่นรุ่นใหญ่ไปเลยขนาด 1000 W ค่ะ
เพราะถ้าหากเราเลือกเครื่องปั่นที่กำลังไฟฟ้าต่ำเกินไปสำหรับการใช้งาน ตัวมอเตอร์อาจจะไหม้และเสื่อมสมรรถภาพลงได้ง่าย แต่หากเลือกซื้อขนาดที่ใหญ่เกินไป ก็จะไม่คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนสักเท่าไหร่ค่ะ ดังนั้นเวลาเลือกก็ต้องดูด้วยว่า เราเอาไปใช้งานมากน้อยแค่ไหน เพื่อเลือกกำลังไฟได้อย่างเหมาะสม
วัสดุอุปกรณ์เครื่องปั่น
วัสดุอุปกรณ์ของเครื่องปั่น เป็นอีกอย่างที่เราต้องพิจารณาร่วมด้วย ไม่ควรมองข้าม วัสดุอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นโถปั่น ใบมีด ก็ควรเลือกเป็นวัสดุที่ดี มีคุณภาพและทนทาน
โถปั่น : ควรเลือกเป็นพลาสติกเกรดดีจำพวก Polycarbonate เป็นวัสดุที่มีคุณภาพและความทนทานสูง ไม่แตกง่าย ที่สำคัญคือควรเลือกเครื่องปั่นจากแบรนด์ที่รองรับเรื่องของความปลอดภัยจากสารปนเปื้อน เพราะพลาสติดเกรดต่ำอาจจะมีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเรา
ใบมีด : ใบมีดควรที่จะต้องเลือกเป็นสแตนเลส ที่มีความแข็งแรง คม และไม่เกิดสนิม อายุการใช้งานยาวนานมากกว่า และมั่นใจได้เลยว่าวัตถุดิบที่นำมาปั่น จะเนียนละเอียดอย่างที่เราต้องการแน่นอน
ภาพจาก Ginny's
ราคาเครื่องปั่น
มาถึงเรื่องที่สำคัญมากที่สุดคือ เรื่องของราคาเครื่องปั่นนั่นเอง เราจะต้องกำหนดก่อนว่า ตัวเรานั่นมีงบประมาณอยู่ที่เท่าไหร่ สำหรับคุณแม่บ้านที่อยากจะได้เครื่องปั่นมาตราฐานมาใช้งานที่บ้าน ก็ตั้งงบไว้ประมาณ 1,500 – 3,000 บาทก็เพียงพอ
แต่สำหรับคนที่อยากจะได้เครื่องปั่นมาใช้ประกอบอาชีพ ก็ต้องเลือกที่มีฟังก์ชันเยอะมากขึ้นอีก ราคาก็จะสูงขึ้นไป อาจจะถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว
Post a Comment