เครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อได้ดี แบรนด์ไหนคุ้มค่า และเหมาะสมกับบ้านเรามากที่สุด
หากใครที่กำลังมองหาตัวช่วยแสนดีในการทำความสะอาดบ้าน บอกเลยว่า เครื่องดูดฝุ่น ยี่ห้ออะไรดี แบรนด์ไหนคุ้มค่า บอกตรงๆว่า อันนี้ก็ตอบยากพอสมควร เพราะการเลือกเครื่องดูดฝุ่น จะต้องดูจากอะไรหลายๆอย่าง นอกจากแบรนด์เครื่องดูดฝุ่นแล้ว เราจะต้องพิจารณาจากปัจจัยอื่นๆอีก เช่น ลักษณะของบ้าน ขนาดพื้นที่ หรือลักษณะการใช้งาน
ดังนั้นวันนี้เลยแวะเอาหลักการพิจารณาเครื่องดูดฝุ่น ผู้ช่วยมือวางอันดับ 1 ในการทำความสะอาดบ้านมาฝากกัน บอกเลยว่าอ่านบทความนี้จบลง ก็สามารถเดินออกไปเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นที่ถูกใจ ใช้งานเต็มประสิทธิภาพได้อย่างแน่นอนจ้า
หลักการในการเลือกเครื่องดูดฝุ่น นอกเหนือจากเรื่องของแบรนด์แล้ว ก็จะมีหลักๆอยู่ 2 หัวข้อ คือ ลักษณะพื้นที่การใช้งาน และ คุณสมบัติของตัวเครื่อง เรามาเริ่มจากหัวข้อแรก “ลักษณะพื้นที่การใช้งาน” กันก่อนเลย !
ก่อนอื่นเลยเราต้องสำรวจพื้นที่ภายในบ้านของเราก่อน ว่าเราจะนำเครื่องดูดฝุ่นมาใช้ทำความสะอาดตรงบริเวณไหน กว้างขวางมากน้อยแค่ไหน เพราะขนาดพื้นที่ในการทำความสะอาด ยิ่งกว้าง ก็ต้องเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น กำลังไฟก็ต่างกัน พลังการดูด รวมถึงความจุของกล่องใส่ฝุ่นด้วย
เพราะหากเราเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีขนาดพอดีกับการใช้งาน ห้องของเราก็จะสะอาด และเครื่องดูดฝุ่นก็ไม่ต้องทำงานหนักมากเกินไปอีกด้วย
ขึ้นชื่อว่าบ้าน หรือที่อยู่อาศัย การตกแต่งภายในแน่นอนว่าต้องประดับประดาด้วยของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ คงไม่มีบ้านไหนเป็นพื้นที่โล่งๆทั้งหมดหรอกใช่ไหมล่ะ?
ซอกมุมต่างๆ ที่บางทีกวาดด้วยไม้กวาดอาจจะสะอาดไม่ทั่วถึง ดังนั้นเราจึงต้องตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า เราจะนำเครื่องดูดฝุ่นมาทำความสะอาดมุมไหนของบ้าน เพื่อที่จะเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการทำความสะอาดมากที่สุด
สำหรับบ้านที่มีสมาชิกภายในครอบครัวที่ค่อนข้างเยอะ ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ และสัตว์เลี้ยง หรือผู้ที่ป่วยเนโรคภูมิแพ้ การเลือกเครื่องดูดฝุ่น ก็จะต้องเลือกแบบที่สามารถกรองฝุ่นละอองได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยตัวแผ่นกรองจะต้องเป็นแผ่นกรอง HEPA ที่มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่นสูงมาก
สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อมา คือเรื่องของคุณสมบัติ และลักษณะของตัวเครื่องดูดฝุ่น ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบมาก เช่น เครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สาย เครื่องดูดฝุ่นแบบถุงและไม่มีถุง เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ ซึ่งเครื่องดูดฝุ่นแต่ละรูปแบบ ก็มีความแตกต่าง และลักษณะการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน การเลือกเครื่องดูดฝุ่น จึงต้องเลือกให้เหมาะสม เพื่อความสะดวกในการใช้งาน และทำความสะอาดบ้านได้อย่างหมดจดมากที่สุด
อย่างที่บอกแต่แรกว่า เครื่องดูดฝุ่นแต่ละประเภท ก็มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกก็ขึ้นอยู่กับว่า เรานำไปใช้กับงานลักษณะไหน ยกตัวอย่างเช่น เครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สาย ที่คุณสามารถใช้ทำความสะอาดได้ทั่วทุกพื้นที่ แม้ในมุมที่สายไฟไปไม่ถึง ก็สามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง
อีกตัวอย่างคือ เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่หลายบ้านเริ่มนำมาใช้งานกันมากขึ้น เพราะเจ้าเครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ เหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ชอบกวาดบ้านเอง (ฮ่าๆ) เพราะมันจะทำความสะอาดพื้นบ้านของคุณให้สะอาดหมดจดได้แบบอัตโนมัติ!
เมื่อฝุ่นถูกดูดเข้าไปด้านในก็จะไปรวมกันอยู่ที่ถุงเก็บฝุ่น ที่มีให้เลือกทั้งแบบใช้ซ้ำได้ และใช้แล้วทิ้งเลย โดยถุงเก็บฝุ่นแบบกระดาษจะสามารถใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว ก็ต้องถอดเปลี่ยน แต่มีข้อดีคือสามรถดักกรองฝุ่นที่มีขนาดเล็กได้ถึง 0.1 ไมครอน ในขณะที่ถุงกรองจากใยสังเคราะห์และผ้า ที่ถอดออกมาทำความสะอาดซ้ำ จะสามารถกรองฝุ่นขนาด 0.3-0.5 ไมครอนเท่านั้น
หลักจากดูดฝุ่นเข้าไปที่ถุงกรองเรียบร้อยแล้ว อากาศก็จะถูกปล่อยออกไปอีกทาง โดยมีแผ่นกรองฝุ่นเป็นตัวดักอยู่ในขั้นต่อไปเพื่อให้อากาศที่ปล่อยออกมานั้นมีความบริสุทธิ์มากที่สุด ไม่มีฝุ่นละอองเล็กๆปนเปื้อน ซึ่งแผ่นกรองส่วนใหญ่ที่มีคุณภาพสูง จะสามารถดักจับฝุ่นได้ละเอียดถึง 0.06 ไมครอน (1 ไมครอน = 0.001 มม.)
ยิ่งเครื่องดูดฝุ่นมีพลังดูดมาก แสดงว่าเปลืองไฟมากขึ้น แปลว่าเราไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีพลังดูดสูงๆมาใช้งานเสมอไปหากไม่จำเป็น
เพราะหากห้องของเราขนาดค่อนข้างเล็ก ฝุ่นสะสมก็มีไม่มาก ก็ใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบกำลังไฟไม่ต้องสูงมาก แต่หากห้องของคุณกว้างขวาง และมีจุดที่ทำความสะอาดได้ยาก อย่างเช่น พรมปูพืน ก็เลือกเป็นเครื่องดูดฝุ่นกำลังไฟประมาณ 700 – 1,200 วัตต์ก็เพียงพอ
แม้ว่าเครื่องดูดฝุ่นจะเป็นอุปกรณ์หลักในการทำความสะอาด แต่หากเรามีหัวดูดฝุ่น หรือหัวแปรงดูดฝุ่นเพียงรูปแบบเดียว ก็คงไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง เพราะภายในบ้านก็จะมีมุมและซอกหลืบต่างๆ ที่ไม่สามาระทำความสะอาดได้อย่างสะดวก หัวแปลงและหัวดูดฝุ่นนี่แหละ เป็นตัวที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด เข้าถึงทุกซอกและมุม จะมุมแคบ มุมลึกแค่ไหน เครื่องดูดฝุ่นก็สามารถทำความสะอาดได้อย่างดีเยี่ยม
บางครั้งของดีก็ไม่ได้มีราคาที่แพงเสมอไป แต่ของที่ดี จะต้องเป็นของที่ใช้งานได้อย่างตอบโจทย์ และราคาก็ต้องเหมาะสม ไม่แพงจนเกินไป ควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าในการใช้งาน ฟังก์ชันและฟีเจอร์ เราสามารถนำไปใช้กับที่บ้านได้จริงหรือไม่
รวมถึงเรื่องของการรับประกันคุณภาพ เครื่องดูดฝุ่นจะต้องมีฉลาก มอก. และรับประกันเรื่องของอุปกรณ์ และการซ่อมแซม รวมถึงเรื่องของบริการหลังการขายด้วย หากเครื่องดูดฝุ่นมีปัญหา สามารถส่งซ่อมได้สะดวกหรือไม่ ถ้าหากทุกอย่างโอเค ก็จัดไปเลยค่ะสักเครื่อง !
ภาพจาก Bounce Energy
ปัจจัยหลักในการพิจารณาเครื่องดูดฝุ่น
หลักการในการเลือกเครื่องดูดฝุ่น นอกเหนือจากเรื่องของแบรนด์แล้ว ก็จะมีหลักๆอยู่ 2 หัวข้อ คือ ลักษณะพื้นที่การใช้งาน และ คุณสมบัติของตัวเครื่อง เรามาเริ่มจากหัวข้อแรก “ลักษณะพื้นที่การใช้งาน” กันก่อนเลย !
1. ขนาดของพื้นที่อยู่อาศัย
ก่อนอื่นเลยเราต้องสำรวจพื้นที่ภายในบ้านของเราก่อน ว่าเราจะนำเครื่องดูดฝุ่นมาใช้ทำความสะอาดตรงบริเวณไหน กว้างขวางมากน้อยแค่ไหน เพราะขนาดพื้นที่ในการทำความสะอาด ยิ่งกว้าง ก็ต้องเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น กำลังไฟก็ต่างกัน พลังการดูด รวมถึงความจุของกล่องใส่ฝุ่นด้วย
เพราะหากเราเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีขนาดพอดีกับการใช้งาน ห้องของเราก็จะสะอาด และเครื่องดูดฝุ่นก็ไม่ต้องทำงานหนักมากเกินไปอีกด้วย
2. ลักษณะของบ้าน
ขึ้นชื่อว่าบ้าน หรือที่อยู่อาศัย การตกแต่งภายในแน่นอนว่าต้องประดับประดาด้วยของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ คงไม่มีบ้านไหนเป็นพื้นที่โล่งๆทั้งหมดหรอกใช่ไหมล่ะ?
ซอกมุมต่างๆ ที่บางทีกวาดด้วยไม้กวาดอาจจะสะอาดไม่ทั่วถึง ดังนั้นเราจึงต้องตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า เราจะนำเครื่องดูดฝุ่นมาทำความสะอาดมุมไหนของบ้าน เพื่อที่จะเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการทำความสะอาดมากที่สุด
3. สมาชิกภายในครอบครัว
สำหรับบ้านที่มีสมาชิกภายในครอบครัวที่ค่อนข้างเยอะ ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ และสัตว์เลี้ยง หรือผู้ที่ป่วยเนโรคภูมิแพ้ การเลือกเครื่องดูดฝุ่น ก็จะต้องเลือกแบบที่สามารถกรองฝุ่นละอองได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยตัวแผ่นกรองจะต้องเป็นแผ่นกรอง HEPA ที่มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่นสูงมาก
คุณสมบัติของตัวเครื่องดูดฝุ่น
สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อมา คือเรื่องของคุณสมบัติ และลักษณะของตัวเครื่องดูดฝุ่น ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบมาก เช่น เครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สาย เครื่องดูดฝุ่นแบบถุงและไม่มีถุง เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ ซึ่งเครื่องดูดฝุ่นแต่ละรูปแบบ ก็มีความแตกต่าง และลักษณะการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน การเลือกเครื่องดูดฝุ่น จึงต้องเลือกให้เหมาะสม เพื่อความสะดวกในการใช้งาน และทำความสะอาดบ้านได้อย่างหมดจดมากที่สุด
ภาพจาก Expert Reviews
1. ขนาดและลักษณะของเครื่องดูดฝุ่น
อย่างที่บอกแต่แรกว่า เครื่องดูดฝุ่นแต่ละประเภท ก็มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกก็ขึ้นอยู่กับว่า เรานำไปใช้กับงานลักษณะไหน ยกตัวอย่างเช่น เครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สาย ที่คุณสามารถใช้ทำความสะอาดได้ทั่วทุกพื้นที่ แม้ในมุมที่สายไฟไปไม่ถึง ก็สามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง
อีกตัวอย่างคือ เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่หลายบ้านเริ่มนำมาใช้งานกันมากขึ้น เพราะเจ้าเครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ เหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ชอบกวาดบ้านเอง (ฮ่าๆ) เพราะมันจะทำความสะอาดพื้นบ้านของคุณให้สะอาดหมดจดได้แบบอัตโนมัติ!
2. ถุงเก็บฝุ่น
เมื่อฝุ่นถูกดูดเข้าไปด้านในก็จะไปรวมกันอยู่ที่ถุงเก็บฝุ่น ที่มีให้เลือกทั้งแบบใช้ซ้ำได้ และใช้แล้วทิ้งเลย โดยถุงเก็บฝุ่นแบบกระดาษจะสามารถใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว ก็ต้องถอดเปลี่ยน แต่มีข้อดีคือสามรถดักกรองฝุ่นที่มีขนาดเล็กได้ถึง 0.1 ไมครอน ในขณะที่ถุงกรองจากใยสังเคราะห์และผ้า ที่ถอดออกมาทำความสะอาดซ้ำ จะสามารถกรองฝุ่นขนาด 0.3-0.5 ไมครอนเท่านั้น
3. การกรองฝุ่น
หลักจากดูดฝุ่นเข้าไปที่ถุงกรองเรียบร้อยแล้ว อากาศก็จะถูกปล่อยออกไปอีกทาง โดยมีแผ่นกรองฝุ่นเป็นตัวดักอยู่ในขั้นต่อไปเพื่อให้อากาศที่ปล่อยออกมานั้นมีความบริสุทธิ์มากที่สุด ไม่มีฝุ่นละอองเล็กๆปนเปื้อน ซึ่งแผ่นกรองส่วนใหญ่ที่มีคุณภาพสูง จะสามารถดักจับฝุ่นได้ละเอียดถึง 0.06 ไมครอน (1 ไมครอน = 0.001 มม.)
4. พลังการดูดฝุ่น
ยิ่งเครื่องดูดฝุ่นมีพลังดูดมาก แสดงว่าเปลืองไฟมากขึ้น แปลว่าเราไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีพลังดูดสูงๆมาใช้งานเสมอไปหากไม่จำเป็น
เพราะหากห้องของเราขนาดค่อนข้างเล็ก ฝุ่นสะสมก็มีไม่มาก ก็ใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบกำลังไฟไม่ต้องสูงมาก แต่หากห้องของคุณกว้างขวาง และมีจุดที่ทำความสะอาดได้ยาก อย่างเช่น พรมปูพืน ก็เลือกเป็นเครื่องดูดฝุ่นกำลังไฟประมาณ 700 – 1,200 วัตต์ก็เพียงพอ
5. ตัวเสริมหัวดูดฝุ่น
แม้ว่าเครื่องดูดฝุ่นจะเป็นอุปกรณ์หลักในการทำความสะอาด แต่หากเรามีหัวดูดฝุ่น หรือหัวแปรงดูดฝุ่นเพียงรูปแบบเดียว ก็คงไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง เพราะภายในบ้านก็จะมีมุมและซอกหลืบต่างๆ ที่ไม่สามาระทำความสะอาดได้อย่างสะดวก หัวแปลงและหัวดูดฝุ่นนี่แหละ เป็นตัวที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด เข้าถึงทุกซอกและมุม จะมุมแคบ มุมลึกแค่ไหน เครื่องดูดฝุ่นก็สามารถทำความสะอาดได้อย่างดีเยี่ยม
6. ราคาและการรับประกัน
บางครั้งของดีก็ไม่ได้มีราคาที่แพงเสมอไป แต่ของที่ดี จะต้องเป็นของที่ใช้งานได้อย่างตอบโจทย์ และราคาก็ต้องเหมาะสม ไม่แพงจนเกินไป ควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าในการใช้งาน ฟังก์ชันและฟีเจอร์ เราสามารถนำไปใช้กับที่บ้านได้จริงหรือไม่
รวมถึงเรื่องของการรับประกันคุณภาพ เครื่องดูดฝุ่นจะต้องมีฉลาก มอก. และรับประกันเรื่องของอุปกรณ์ และการซ่อมแซม รวมถึงเรื่องของบริการหลังการขายด้วย หากเครื่องดูดฝุ่นมีปัญหา สามารถส่งซ่อมได้สะดวกหรือไม่ ถ้าหากทุกอย่างโอเค ก็จัดไปเลยค่ะสักเครื่อง !
Post a Comment