วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2562

ล้างเครื่องซักผ้า สะอาดเหมือนใหม่ ใส่ใจทุกขั้นตอน

เครื่องซักผ้า เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการซักเสื้อผ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่หากเราเน้นแต่ใช้งานโดยที่ไม่ได้ทำการดูแลรักษาหรือทำความสะอาดเลย จะส่งผลให้ประสิทธิภาพการซักทำความสะอาดเสื้อผ้าลดลง ไม่ว่าจะซักนานเท่าไหร่ หรือซักกี่รอบ เสื้อผ้าก็ไม่สะอาดสักที…


สาเหตุเป็นเพราะการซักทำความสะอาดเสื้อผ้าในแต่ละครั้ง แน่นอนว่ามันจะต้องมีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ในตัวถังซัก อยู่ในถุงกรองฝุ่น เมื่อสะสมนานวันเข้าปริมาณยิ่งเพิ่มพูน ทำให้เสื้อผ้าที่ผ่านการซักจะมีกลิ่นเหม็น และคราบสิ่งสกปรกติดเสื้อผ้า ดังนั้นการทำความสะอาด ล้างเครื่องซักผ้า จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างมาก

แต่เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ไม่ได้มองว่าการล้างเครื่องซักผ้าเป็นสิ่งที่ต้องทำ ซื้อเครื่องมา 5 ปีหรือมากกว่านั้น แทบจะไม่เคยคิดถึงเรื่องการล้างถังซักเลยด้วยซ้ำ เพราะเครื่องซักผ้าก็ทำงานอยู่กับน้ำและผงซักฟอก หลายคนจึงเข้าใจกันไปว่า การซักแต่ละทีก็เหมือนทำความสะอาดไปในตัวอยู่แล้ว… บอกตรงๆเลยว่าเป็นการเข้าใจผิดอย่างมาก เพราะการที่เครื่องซักผ้าทำงานอย่างเป็นประจำ มันไม่เหมือนกับการล้างทำความสะอาดนะ!

ล้างเครื่องซักผ้าด้วยตัวเอง


การล้างเครื่องซักผ้า เป็นเรื่องที่ดูเหมือนจะยาก แต่หากได้ลงมือทำแล้วบอกเลยว่า ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะขั้นตอนในการทำความสะอาดและการเตรียมอุปกรณ์ ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แถมใช้ของใกล้ตัวที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปอีกด้วย หลักๆแล้วการล้างเครื่องซักผ้าก็จะใช้อุปกรณ์เพียง…

  • น้ำส้มสายชู หรือ เบกกิ้งโซดา หรือ ผงทำความสะอาดสำเร็จรูป
  • ผ้าสะอาดสำหรับเช็ดทำความสะอาด


ขั้นตอนการล้างเครื่องซักผ้า


ขั้นตอนแรก ให้ทำการถอดถุงกรองฝุ่นภายในเครื่องซักผ้าออกมาทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่กันก่อน เพราะตรงส่วนนี้ค่อนข้างที่จะมีการสะสมสิ่งสกปรกเอาไว้จำนวนมาก และเป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้เสื้อผ้าที่ผ่านการซักมีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์อีกด้วย

ขั้นตอนที่สอง คือเติมน้ำสะอาดให้เต็มตัวถังซัก ในระดับสูงสุด และทำการเทน้ำส้มสายชูลงไป 2-3 ถ้วยตวง หรือผงเบกกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวง หรือผงทำความสะอาดสำเร็จรูป แล้วแต่ความสะดวกเลยว่าจะเลือกใช้แบบไหน

ขั้นตอนที่สาม ให้ทำการแช่สิ่งที่เราผสมลงไปทิ้งเอาไว้สัก 2-3 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นถ้าหากคุณมีเวลา แล้วจึงค่อยกดปุ่ม Start ให้เครื่องซักผ้าเริ่มทำงานตามปกติ

ขั้นตอนที่สี่ หลังจากล้างเครื่องซักผ้าเสร็จสิ้นกระบวนการ 1 รอบ ให้ทำอีกครั้งแต่ไม่ต้องผสมอะไรลงไป ล้างด้วยน้ำสะอาดอีก 1-2 รอบ เพื่อชะล้างกลิ่นของน้ำส้มสายชู หรือผงเบกกิ้งโซดาที่อาจจะตกค้างอยู่ในตัวถังซักออกให้หมด


ขั้นตอนที่ห้า เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดทำความสะอาดภายในถังซักอีกรอบ และสำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า ให้เช็ดตรงขอบยางด้วย เพราะตรงจุดนี้จะมีการสะสมของคราบสกปรกอยู่จำนวนมาก

ขั้นตอนที่หก เปิดฝาเครื่องซักผ้าทิ้งเอาไว้เพื่อระบายความอบชื้นและกลิ่นที่อาจจะหลงเหลืออยู่ภายในตัวถังซักหลังจากล้างทำความสะอาด เพราะความชื้นเป็นสาเหตุหลักๆที่ก่อให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ในเครื่องซักผ้า

เสร็จสิ้นกระบวนการ สามารถใช้งานเครื่องซักผ้าได้เลย!


ล้างเครื่องซักผ้าด้วยมืออาชีพ


หากใครที่คิดว่า ไม่มีเวลามากพอที่จะมานั่งล้างเครื่องซักผ้าด้วยตัวเอง หรือไม่เคยทำมาก่อน เลยไม่ค่อยแน่ใจกลัวเครื่องซักผ้าจะพัง (ฮ่าๆ) อยากจะแนะนำให้เลือกบริการล้างเครื่องซักผ้าจากผู้เชี่ยวชาญจาก Home Service by Homepro ที่พร้อมให้บริการทำความสะอาดเครื่องซักผ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆทุกรูปแบบ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call center 1284

เคล็ดลับเครื่องซักผ้าเพิ่มเติมเสริมความรู้


ปัจจุบันการล้างเครื่องซักผ้า มีความง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะมีเครื่องซักผ้าหลายๆรุ่น ที่มีโหมดโปรแกรมซักล้างทำความสะอาดตัวถังในตัว และมีระบบแจ้งเตือนว่าถึงเวลาทำความสะอาดแล้วนะ เราก็ทำเพียงแค่กดเลือกโหมดทำความสะอาด และปล่อยให้เครื่องซักผ้าทำตามขั้นตอนได้เลยแบบอัตโนมัติ



วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ใช้เครื่องซักผ้าอย่างถูกวิธี การันตีเรื่องประหยัดไฟ!

เครื่องซักผ้า จัดว่าเป็นเครื่องซักผ้าที่อยู่คู่บ้าน เป็นเหมือนกับผู้ช่วยมือวางอันดับ 1 ของคุณพ่อบ้านแม่บ้านในการซักทำความสะอาดบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการใช้งานเครื่องซักผ้า ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างง่ายมากเลยทีเดียว แค่โยนเสื้อผ้าใส่ตัวถัง ใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม กดปุ่ม Start ปล่อยให้เครื่องซักผ้าทำงานแบบอัตโนมัติ เราก็ทำเพียงแค่ นำเสื้อผ้าออกมาตากแดดเท่านั้น


ใช้เครื่องซักผ้าอย่างถูกวิธี


แน่นอนว่าการใช้เครื่องซักผ้าอย่างถูกวิธี จะสามารถช่วยถนอมเครื่องซักผ้าของเราให้สามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น และคงประสิทธิภาพการทำงานเหมือนกับมีเครื่องซักผ้าเครื่องใหม่ใช้อยู่ตลอด นอกจากนี้การใช้เครื่องซักผ้าอย่างถูกวิธี ยังสามารถช่วยให้เราสามารถประหยัดค่าไฟได้มากขึ้นอีกด้วย … เคล็ดลับการใช้เครื่องซักผ้าอย่างถูกวิธีมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย!

แช่ผ้าก่อนใส่เครื่องซักผ้า 2 ถัง


ในกรณีเป็นเครื่องซักผ้าแบบกึ่งอัตโนมัติ หรือเครื่องซักผ้า 2 ถัง แนะนำให้แช่ผ้าก่อนนำเข้าเครื่องซักก่อนอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง การแช่ผ้าก่อนจะทำให้เครื่องซักผ้าสามารถทำความสะอาดเสื้อผ้าได้สะอาดมากขึ้นกว่าเดิม

น้ำหนักไม่ควรเกินกำลังตัวเครื่อง


เครื่องซักผ้าแต่ละรุ่น ก็มีตัวถังขนาดที่แตกต่างกัน บรรจุน้ำหนักได้ไม่เท่ากัน ดังนั้นเราควรรู้ว่าเครื่องซักผ้าที่บ้านของเรารับน้ำหนักได้เท่าไหร่ ไม่ควรใส่ผ้ามากเกินไป เพราะจะทำให้ตัวเครื่องรับน้ำหนักไม่ไหว ถังซักอาจจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

ตากผ้ากลางแดดจ้าจะดีกว่า


เครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ๆ ตัวท็อปหลายๆรุ่น ตอนนี้เป็นทั้งเครื่องซักและอบผ้าในเครื่องเดียวเพิ่มความสะดวกมากขึ้น แต่หากคุณต้องการประหยัดพลังงาน แนะนำว่าซักเสร็จก็นำออกมาตากกลางแดดธรรมชาติจะดีกว่า เพื่อความประหยัดพลังงาน ที่สำคัญคือเสื้อผ้าที่ที่ตากแดดจะมีความหอมแดดมากกว่าเสื้อผ้าที่ผ่านการอบแห้ง แต่หากใครคิดว่าซื้อเครื่องซักอบผ้ามาแล้ว ต้องใช้ฟังก์ชันให้ครบสิ ! ก็เก็บไว้ใช้ช่วงหน้าฝนก็ได้ ในช่วงหน้าร้อนก็ตากผ้าปกติวนไปค่ะ !


เครื่องซักผ้าระบบน้ำร้อน ไม่ต้องใช้ทุกครั้งก็ได้


เครื่องซักผ้ารุ่นใหม่หลายรุ่น มีระบบน้ำร้อนในการซักผ้าเพื่อฆ่าเชื้อโรค แต่ไม่ใช่ว่าอยากให้เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านสุดๆ เปิดระบบน้ำร้อนในการซักมันทุกครั้ง แบบนี้ก็เปลืองค่าไฟแย่… เพราะเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้น้ำร้อนในการซักผ้าทุกครั้งไป เพราะเป็นการสิ้นเปลืองค่าไฟโดยใช่เหตุ เราควรเลือกตั้งโปรแกรมน้ำร้อนในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น

ปริมาณน้ำ ผงซักฟอก และปริมาณผ้าต้องเหมาะสม


การกะปริมาณผงซักฟอก ปริมาณน้ำที่ใช้ ให้เหมาะสมกับปริมาณเสื้อผ้าที่เราต้องการซัก จะช่วยให้เราสามารถประหยัดได้ทั้งผงซักฟอกและค่าน้ำลดถูกลงไปในตัวด้วย ประหยัด 2 ต่อแบบนี้ ต้องรีบเอาเคล็ดลับไปใช้กันแล้วล่ะ !

หมั่นตรวจสอบระบบไฟฟ้า


ตรวจสอบสายดินและไฟรั่วอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพิ่มความปลอดภัยและความสบายใจในการใช้งานเครื่องซักผ้าในแต่ละวัน

อ่านคู่มือและปฏิบัติตาม


แน่นอนว่า ตอนที่เราซื้อเครื่องซักผ้ามาใช้งาน จะมีหนังสือคู่มือมาพร้อมกับตัวเครื่อง อยากให้ทุกคนได้หยิบขึ้นมาอ่านวิธีการใช้งาน การดูแลรักษาเบื้องต้น และนำไปปฏิบัติใช้งานทุกขั้นตอน เพื่อการซักทำความสะอาดเสื้อผ้าให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

ผงซักฟอก ต้องเลือกให้เหมาะกับ เครื่องซักผ้า


ผงซักฟอก ไม่ใช่ว่าจะเลือกแบบไหนมาใช้กับเครื่องซักผ้าก็ได้ เพราะผงซักฟอกแต่ละแบบ ก็มีจุดประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน บางยี่ห้อใช้สำหรับซักมือ บางยี่ห้อใช้สำหรับซักเครื่อง เพราะฉะนั้นเราจะต้องสังเกตุที่ตัวภุงบรรจุภัณฑ์ให้ดี ว่าเหมาะกับการนำมาซักผ้ารูปแบบไหน

อ่านเพิ่มเติมที่ > ปกป้องเครื่องซักผ้าใช้ยาวนาน ด้วยการเลือกประเภทผงซักฟอกให้ถูกหลัก


ใช้ถุงตาข่ายสำหรับซักผ้า


ในกรณีที่คุณต้องการซักเสื้อผ้ารวมกับพวกถุงเท้า ชุดชั้นใน พร้อมกันในถังเดียว แนะนำให้ใช้ถุงตาข่ายในการแยกเสื้อผ้าออกจากกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ชุดชั้นในผิดรูปทรง แต่อันที่จริงอยากให้ซักมือ หรือซักแยกออกจากกันจะเหมาะกว่า แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาอย่างเรา… ก็ใช้วิธีจับใส่ถุงตาข่ายก็ประหยัดเวลาดีค่ะ (ฮ่าๆ)

ตรวจกระเป๋ากางเกงเสื้อผ้าก่อนโยนใส่ถังซัก


ก่อนจะโยนเสื้อผ้าลงถัง ให้ทำการตรวจกระเป๋ากางเกง กระเป๋าเสื้อผ้ากันก่อน ว่ามีแบงค์ มีเหียญ เข็มกรัด เข็มหมุด ซิปกางเกง ตะขอกางเกง รูดติดแล้วหรือยัง หรืออะไรตกค้างทิ้งเอาไว้บ้างไหม เพราะของเหล่านี้หากติดต้างในเครื่องซักผ้า จะเป็นอันตรายต่อตัวเครื่องได้

ทำความสะอาดเครื่องซักผ้า


เมื่อเราใช้เครื่องซักผ้าไปนานๆ ก็อาจจะมีสิ่งตกค้างสกปรกติดอยู่ในตัวถังจำนวนมาก โดยเฉพาะถุงกรองภายใน ที่เราจะต้องหยิบออกมาทำความสะอาดกันบ่อยๆ โดยการทำความสะอาดเครื่องซักผ้า จะช่วยให้เครื่องซักผ้าสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ยืดอายุการใช้งานเครื่องซักผ้าได้อย่างยาวนานมากขึ้น 

โดยการทำความสะอาดเครื่องซักผ้า ไม่ได้ยากอย่างที่คิด คุณสามารถทำความสะอาดได้ด้วยตัวเอง โดยวิธีการทำความสะอาดเครื่องซักผ้าสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ > เคล็ดลับทำความสะอาดเครื่องซักผ้ากำจัดเชื้อราและกลิ่นอับ การดูแลเอาใจใส่เครื่องซักผ้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอื่นๆ เป็นสิ่งที่เราต้องหมั่นทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานเครื่องซักผ้าและช่วยประหยัดเงินค่าไฟไปในตัวอีกด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

เครื่องซักผ้า กับเคล็ดลับยืดอายุการใช้งานระดับโปร!

เครื่องซักผ้า เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความสำคัญอย่างมากกับพ่อบ้านแม่บ้านอย่างเรา เพราะเครื่องซักผ้าเป็นผู้ช่วยมือวางอันดับหนึ่งที่สามารถช่วยลดระยะเวลาและซักทำความสะอาดเสื้อผ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

โดยการใช้งานเครื่องซักผ้า อาจจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ใช่ว่าจะทำเพียงโยนๆเสื้อผ้าใส่ลงไปและกดปุ่มเริ่มต้นการทำงานเป็นอันจบ เพราะการที่เราใช้เครื่องซักผ้าแบบไม่ระวัง ใช้งานผิดวิธี หรือไม่ได้อ่านคู่มือก่อนใช้งาน อาจจะเป็นตัวการที่ทำให้เครื่องซักผ้าเสื่อมสภาพและมีอายุการสั้นลง



เคล็ดลับยืดอายุการใช้งานเครื่องซักผ้า


วันนี้เลยอยากแวะนำเคล็ดลับการใช้งานเครื่องซักผ้า สิ่งที่ควรปฏิบัติ และสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ มาฝากให้ทุกคนได้อ่านและทำความเข้าใจกัน เพื่อนำกลับไปใช้กับเครื่องซักผ้าที่บ้านอย่างถูกต้อง และส่งผลให้เครื่องซักผ้ามีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่าเดิม

ห้ามวางของบนเครื่องซักผ้า


เครื่องซักผ้า อาจจะดูใหญ่โตและแข็งแรงทนทาน แต่ก็ไม่ควรที่จะวางอะไรหนักๆไว้บนเครื่องซักผ้า เพราะอาจจะทำให้ตัวเครื่องเกิดความเสียดายได้ ถ้าหากพังขึ้นมา ต้องนั่งซักมือแบบแต่ก่อน เหนื่อยแน่นอน! อย่าหาว่าพี่ไม่เตือน!

เช็คกระเป๋าเสื้อกางเกงก่อนโยนลงเครื่องซักผ้า


ก่อนที่เราจะโยนเสื้อและกางเกงใส่เครื่องซักผ้า กรุณาตรวจเช็คกระเป๋าของท่านให้เรียบร้อยเสียก่อน ว่าไม่มีสิ่งของอะไรตกค้างอยู่ในเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป๋ากระดาษ เหรียญ แบงค์ หรืออะไรก็ตาม ให้นำออกมาก่อนโยนใส่ลงตัวถัง

ประเภทผงซักฟอกที่เหมาะกับเครื่องซักผ้า


หลายคนเข้าใจว่าผงซักฟอก จะใช้กับเครื่องซักผ้าแบบไหนก็ได้ แต่อันที่จริงแล้วหากคุณสังเกตุที่ถุงหรือขวดของผลิตภัณฑ์ซักผ้าทั่วไป จะมีเขียนบอกอยู่ว่า ผงซักฟอกนี้ เหมาะกับการซักมือ หรือเหมาะกับเครื่องซักผ้า เพราะหากคุณนำผงซักฟอกสำหรับซักมือมาใช้กับเครื่องซักผ้า อาจจะเกิดปัญหาฟองล้นเครื่องได้



นำผ้าออกจากเครื่องซักผ้าทันที


เมื่อเครื่องซักผ้าเสร็จสิ้นกระบวนการซักผ้าเรียบร้อยแล้ว อย่ารีรอทิ้งเอาไว้นานๆ เพราะอาจจะก่อให้เกิดความอับชื้นได้ ดังนั้นควรนำเสื้อผ้าออกทันทีหลังจากได้ยินเสียงสัญญาณเสร็จสิ้นการทำงาน

เช็คทำความสะอาดขอบยางเครื่องซักผ้า


สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า จะมีขอบยางตรงส่วนฝาเปิดปิด ให้เช็ดทำความสะอาดทุกครั้งหลังจากใช้งานเสร็จ เพื่อขจัดคราบและสิ่งสกปรกที่อาจจะตกค้างสะสมอยู่ตรงส่วนนี้ออกไปให้หมด โดยหลังจากการซัก ให้เปิดฝาทิ้งไว้สักหน่อย เพื่อป้องกันความอับชื้นที่เป็นสาเหตุให้เกิดเชื้อราภายในตัวเครื่องซักผ้า


ทำความสะอาดเครื่องซักผ้า


เครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ๆ มักจะมีระบบการทำความสะอาดเครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติติดมาด้วยแทบจะทุกรุ่นแล้ว แต่สำหรับเครื่องซักผ้าของบ้านไหน ที่ไม่มีระบบดังกล่าว ก็สามารถทำความสะอาดเครื่องซักผ้าได้ด้วยตัวของคุณเองง่ายๆ ด้วยการใช้น้ำส้มสายชู ผงทำความสะอาด เบกกิ้งโซดาหรือผงฟู เป็นต้น โดยขั้นตอนการทำความสะอาดเครื่องซักผ้านั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด


การดูแลเครื่องซักผ้านั้นไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณนำเคล็ดลับในบทความนี้ไปใช้งาน รับรองได้เลยว่า เครื่องซักผ้าที่บ้านของคุณ จะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน โดยหากใครที่ต้องการล้างทำความสะอาดเครื่องซักผ้า แต่ไม่มีเวลามานั่งล้างเองตามขั้นตอน ลองติดต่อกับบริการ Home Service By Homepro ที่มีบริการล้างทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบครบวงจร หรือติดต่อ Call Center ได้ที่ 1284

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

เครื่องซักผ้า ฝาบน ฝาหน้า หรือถังคู่ แบบไหนดีกว่ากัน?

เครื่องซักผ้า เป็นผู้ช่วยทำความสะอาดเสื้อผ้าที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่การจะเลือกเครื่องซักผ้าสักเครื่องมาใช้งานสักเครื่องให้ถูกใจนี่สิ จะต้องเลือกแบบไหน? เพราะเครื่องซักผ้าที่มีอยู่ตามท้องตลาดก็มีหลากหลายรุ่นให้เลือก จนบางทีเราก็ตัดสินใจไม่ถูก ว่าจะซื้อเครื่องซักผ้าแบบไหนดีกว่ากัน!?


ประเภทเครื่องซักผ้ามีอะไรบ้าง?


เครื่องซักผ้าที่มีขายอยู่ตามท้องตลาด ก็มีให้เลือกอยู่ 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ เครื่องซักผ้าแบบถังเดี่ยว โดยเครื่องซักผ้าแบบถังเดี่ยวก็จะมีให้เลือกทั้ง เครื่องซักผ้าฝาบน และ เครื่องซักผ้าฝาหน้า ส่วนเครื่องซักผ้าแบบถังคู่ ก็จะเป็นเครื่องซักผ้าแบบกึ่งอัตโนมัติ ที่แยกถังซักและถังปั่นแห้งออกจากกัน

เครื่องซักผ้าฝาหน้า


เครื่องซักผ้าฝาหน้า เป็นเครื่องซักผ้าแบบถังเดียวที่ทำงานได้อย่างอัตโนมัติ สามารถจุปริมาณผ้าได้จำนวนมาก สามารถเลือกใช้โปรแกรมการซักได้ตามความต้องการ พร้อมฟังก์ชันปั่นแห้งแบบอัตโนมัติ เราทำเพียงแค่นำผ้าเข้า และนำออกไปตากเท่านั้น เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า มีให้เลือกความจุถังซักอยู่ที่ 7-10 กิโลกรัม จะเหมาะสำหรับบ้านที่มีสมาชิกประมาณ 3-4 คน


แต่เครื่องซักผ้าฝาหน้า จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงมากกว่าเครื่องซักผ้าประเภทอื่น แต่หากพูดถึงเรื่องข้อดีของเครื่องซักผ้าฝาหน้า ก็จะเป็นเรื่องของความประหยัดน้ำ ความถนอมเนื้อผ้า และสามารถควบคุมอุณภูมิของน้ำในการซักเสื้อผ้าอีกด้วย โดยการทำงานของเครื่องซักผ้าฝาหน้านั้น จะใช้ระบบการหมุนแบบแนวนอน ตามแรงโน้มถ่วงของโลก ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่า เสื้อผ้าไม่ติดพันกับแกนหมุน และไม่กระจุกอยู่ด้านในด้านหนึ่งในตัวถังแน่นอน

เครื่องซักผ้าฝาหน้ารุ่นแนะนำ


เครื่องซักผ้าฝาหน้า ELECTROLUX EWF12933 9 กก. 1200RPM อินเวอร์เตอร์ เป็นเครื่องซักผ้ารุ่น Ultimate Care™ ที่มาพร้อมกับระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการละลายผงซักฟอก ที่สามารถช่วยประหยัดเวลา พลังงาน และถนอมสีของผ้าได้มากขึ้น ดังนั้นเสื้อผ้าที่ผ่านการซักด้วยเครื่องซักผ้า ELECTROLUX รุ่น EWF12933 จึงดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ > เครื่องซักผ้าลดราคา

เครื่องซักผ้าแบบฝาบน


เครื่องซักผ้าฝาบน ก็จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ เครื่องซักผ้าฝาบนแบบอัตโนมัติ และแบบกึ่งอัตโนมัติ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ เครื่องซักผ้า 2 ถังนั่นเอง โดยความแตกต่างของทั้ง 2 รูปแบบนี้ก็คือระบบการทำงาน โดยเครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติ ก็จะสามารถทำงานได้แบบออโต้ ตั้งแต่ซักไปจนถังขั้นตอนปั่นแห้ง แต่เครื่องซักผ้า 2 ถัง จะแยกถังซักและถังปั่นแห้งออกจากกัน เวลาซักเสร็จเราก็ต้องหยิบเสื้อผ้าเปลี่ยนมาถังปั่นแห้งด้วยตัวเอง

เครื่องซักผ้าฝาบนแบบอัตโนมัติ


เครื่องซักผ้าฝาบนแบบอัตโนมัติ เป็นเครื่องซักผ้าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะราคาไม่แพงเท่าเครื่องซักผ้าฝาหน้า การซ่อมบำรุงก็สามารถทำได้ง่ายกว่า และสามารถบรรจุน้ำหนักเสื้อผ้าได้สูงถึง 7-16 กิโลกรัม เรียกได้ว่าสามารถทำความสะอาดเสื้อผ้าได้ปริมาณมากในการซักเพียง 1 รอบ จึงเหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิก 4 คนหรือมากกว่า


เครื่องซักผ้าฝาบนแบบอัตโนมัติ จะเป็นระบบการหมุนแบบแนวตั้ง ดังนั้นเสื้อผ้าอาจจะติดอยู่ที่แกน หรือผ้าพันกองกันเป็นก้อนอยู่ด้านในด้านหนึ่งในตัวถัง แต่ข้อดีของเครื่องซักผ้าฝาบนแบบอัตโนมัติยังมีข้อดีในเรื่องของความยืดหยุ่น ที่เราสามารถเพิ่มเสื้อผ้าที่ลืมเอาไว้ หรือเพิ่มน้ำและผงซักฟอกในขณะที่ตัวเครื่องทำงานได้ตลอด

เครื่องซักผ้าฝาบนรุ่นแนะนำ


เครื่องซักผ้าฝาบน PANASONIC NA-F125A4 มาพร้อมกับประสิทธิภาพการซักผ้าที่เหนือมากกว่า ด้วยระบบ Active Foam ที่ช่วยสร้างเม็ดโฟมที่ละเอียดและหนาแน่น เพื่อแทรกซึมเข้าสู่เนื้อผ้าได้เข้าถึงและลึกมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้สามารถขจัดคราบสกปรกได้อย่างรวดเร็วและง่ายมากขึ้น


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ > เครื่องซักผ้าลดราคา

เครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติ


เครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติหรือเครื่องซักผ้า 2 ถัง เป็นเครื่องซักผ้าที่สามารุจุปริมาณผ้าได้ค่อนข้างเยอะ มีให้เลือกตั้งแต่ 9-17 กิโลกรัม แต่การทำงานจะแยกถังซักและถังปั่นหมาดออกเป็น 2 ถัง เวลาเราซักทำความสะอาด ก็ต้องนำเสื้อลงถังซัก ปล่อยให้เครื่องทำงานจนเสร็จกระบวนการแล้วก็ต้องมาหยิบเสื้อผ้าออก เพื่อย้ายไปถังปั่นหมาดที่อยู่ข้างๆต่อด้วยตัวเอง และสาเหตุนี้ เครื่องซักผ้า 2 ถังจึงได้ชื่อว่าเป็นระบบกึ่งอัตโนมัติ และอัตโนมือนั่นเอง


เครื่องซักผ้า 2 ถังรุ่นแนะนำ


เครื่องซักผ้า 2 ถัง SAMSUNG WT15J7PEC/XST มีความจุถังซักมากถึง 14 กิโลกรัม ทำให้สามารถซักทำความสะอาดเสื้อผ้าได้จำนวนมาก ช่วยประหยัดเวลาในการซักผ้าได้มากขึ้น ทรงพลังด้วยมอเตอร์หมุนถังซักรวดเร็วในการปั่นหมาด ทำให้เสื้อผ้าแห้งเร็ว นอกจากนี้ยังมีระบบ Air Turbo Drying จะกำจัดความชื้นออกอย่างเพียงพอ ทำให้เสื้อผ้าชื้นเล็กน้อย พอเหมาะสำหรับการรีดผ้า ไม่จำเป็นต้องตากผ้า สามารถนำมารีดต่อได้เลยทันที

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม > เครื่องซักผ้าลดราคา

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

5 พฤติกรรมการใช้ “เครื่องซักผ้า” ที่ควรหลีกเลี่ยง

เครื่องซักผ้า เป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่สุดประจำบ้านเลยก็ว่าได้ เพราะการซักผ้าเป็นอะไรที่เปลืองแรงมากกกกกกก… ถ้าหากซักด้วยมือ ดังนั้นเครื่องซักผ้าจึงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยให้เราสามารถซักผ้าได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งเสียเวลาซักมืออีกต่อไป !

แต่คนเราก็มีความเข้าใจผิดในเรื่องของการใช้เครื่องซักผ้า เพราะหลายคนคิดว่าเครื่องซักผ้า สามารถซักได้ทุกอย่าง เพียงแค่โยนเครื่องซักผ้าแล้วกด Start เริ่มปั่น! มันก็ … สามารถทำได้แหละค่ะ เพียงแต่เสื้อผ้าอาจจะขาด หรือเครื่องซักผ้าอาจจะพังก่อนเวลาอันควร !


พฤติกรรมการใช้เครื่องซักผ้าที่ควรเลี่ยง


5 พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงในการใช้เครื่องซักผ้า สิ่งที่ไม่ควรทำไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้าฝาหน้าหรือฝาบน เพื่อปกป้องตัวเครื่องให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานมากขึ้น … โดยพฤติกรรมต่างๆเหล่านี้ คุณก็อาจจะเคยทำมาก่อนโดยที่คุณอาจจะไม่รู้ตัว!

ซักโดยไม่แยกชนิดของผ้า


โดยปกติแล้ว เราซักผ้าเราก็จะแยกแค่สีผ้าขาวกับผ้าสีกันแค่นี้โดยส่วนใหญ่ แต่เราไม่แยกชนิดของผ้า ว่าเป็นผ้าชนิดเดียวกันหรือไม่ เพราะเสื้อผ้าบางประเภทก็ไม่สามารถซักร่วมกับผ้าชนิดอื่นได้ อาจจะทำให้เสื้อผ้าเป็นขุยๆ หรือผ้าบางประเภทมีความบางมาก หากใช้เครื่องซักผ้าซักทำความสะอาด อาจจะขาดหลุดลุ่ยได้ง่าย


ใส่ผงซักฟอกเยอะจนเกินไป


หลายคนชอบคิดว่า อยากจะให้เสื้อผ้าสะอาดมากๆ ให้ใส่ผงซักฟอกลงไปเยอะๆ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด! เพราะการที่เราใส่ผงซักฟอกลงไปจำนวนมาก นอกจากเสื้อผ้าจะไม่สะอาดอย่างที่คิดแล้ว ผงซักฟอกยังตกค้างเป็นก้อนติดอยู่กับเสื้อผ้าด้วย ตรงจุดนี้เป็นสาเหตุทำให้เสื้อผ้าเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค หากใครที่ผิวหนังบอบบางแพ้ง่าย ก็อาจจะเกิดอาการคันตามตัวได้

ไม่รูดซิปเสื้อกับกางเกง


เสื้อกับกางเกงที่มีซิบรูด เราจะต้องทำการรูดซิปให้เรียบร้อยก่อนที่จะนำลงถังซัก เพราะซิปเสื้อและกางเกง มีความแข็งพอสมควร ดังนั้นหากเราไม่รูดเก็บให้เรียบร้อย เวลาเครื่องซักผ้าทำงาน ตรงส่วนซิปอาจจะขูดที่ตัวถัง ก่อให้เกิดความเสียหายภายในถังซักผ้าได้

ใส่เสื้อผ้าน้ำหนักเกิน


เราจะต้องรู้ก่อนว่า เครื่องซักผ้าที่บ้านของเรานั้น สามารถรับน้ำหนักได้เท่าไหร่ แล้วเสื้อผ้าที่เราโยนใส่ลงไปในถังซัก ควรจะหนักไม่เกินปริมาณความจุที่ตัวถังรับได้ เพราะเครื่องซักผ้าอาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่ เครื่องสั่นเสียงดัง หรืออาจจะหยุดทำงานไปเลยเนื่องจากน้ำหนักเกิน ในบางกรณีอาจจะเกิดปัญหาฟองล้นได้อีกด้วยสำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า


ไม่ยอมทำความสะอาดถังซัก


เครื่องซักผ้าถึงแม้ว่าจะอยู่กับน้ำและผงซักฟอกตลอด หลายคนก็คิดว่ามันต้องสะอาดอยู่แล้วสิ … แต่อันที่จริงแล้วตัวถังเครื่องซักผ้าถ้าไม่ทำความสะอาดบ้าง ก็จะมีสิ่งตกค้างอยู่เต็มไปหมด ดังนั้นเราควรทำความสะอาดถังซักเครื่องซักผ้าบ้างเป็นครั้งคราว

โดยเครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ๆ ก็จะมีระบบการซักล้างถังซักเพิ่มเข้ามาอยู่แล้ว การทำความสะอาดถังซักในเครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ๆจึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับเครื่องซักผ้าที่ไม่มีฟังก์ชันดังกล่าว ก็สามารถทำความสะอาดถังซักได้ด้วยตัวเอง โดยเคล็ดลับการทำความสะอาดเครื่องซักผ้า สามารถติดตามอ่านได้ที่ >> เคล็ด(ไม่)ลับทำความสะอาดเครื่องซักผ้าด้วยตัวเอง

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ตู้เย็น ประหยัดไฟ แบบไหนถึงคุ้ม !?

ตู้เย็น เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำบ้าน สำหรับแช่อาหารทำความเย็น เพื่อคงความสดใหม่ของอาหารให้พร้อมปรุงรับประทานอยู่เสมอ แต่ขึ้นชื่อว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้สำหรับทำความร้อนหรือความเย็น สิ่งที่ตามมาก็คือ … “กินไฟอย่างแน่นอน” ดังนั้น การเลือกตู้เย็นประหยัดไฟ จะต้องเลือกแบบไหนถึงจะใช้งานอย่างคุ้มค่ามากที่สุด !?


เคล็ดลับเลือกตู้เย็นประหยัดไฟ


เคล็ดลับการเลือกตู้เย็นที่สามารถใช้งานได้ดี และประหยัดไฟด้วยนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราพิจารณาจากพฤติกรรมการใช้งานของคนในครอบครัวของเราเป็นหลัก เท่านี้ก็สามารถเลือกตู้เย็นประหยัดไฟได้อย่างเหมาะสมแล้ว … แต่บางทีก็อาจจะต้องพิจารณาจากเรื่องอื่นประกอบเพิ่มเติมด้วย อย่างเช่น …

ตู้เย็นกับจำนวนสมาชิกในบ้าน


จำนวนสมาชิกในบ้าน เป็นอีกเรื่องที่ต้องเก็บมาพิจารณาประกอบด้วย หากสมาชิกภายในบ้านเยอะ ก็ต้องเลือกตู้เย็นที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย โดยตามมาตราฐานการเลือกตู้เย็นโดยทั่วไปแล้ว หากเทียบกับจำนวนสมาชิกในบ้าน ก็จะได้เกณฑ์ตามนี้…

  • สมาชิก 2-3 คน : ตู้เย็นขนาด 6-10 คิว
  • สมาชิก 4-5 คน : ตู้เย็นขนาด 10-15 คิว
  • สมาชิก 6 คนขึ้นไป : ตู้เย็นขนาดไม่ต่ำกว่า 15 คิว


ตู้เย็น 1 ประตู 2 ประตู แบบไหนประหยัดกว่ากัน?


หากถามว่าตู้เย็น 1 หรือ 2 ประตูแบบไหนประหยัดกว่ากัน ก็ต้องตอบว่า ตู้เย็น 1 ประตูจะประหยัดไฟมากกว่า เนื่องจากตู้เย็น 2 ประตูต้องใช้ท่อน้ำยาทำความเย็นที่ยาวกว่า และใช้คอมเพลสเซอร์ที่ใหญ่กว่า ตู้เย็น 1 ประตูประหยัดมากกว่าก็จริง แต่หากเทียบเรื่องของความสะดวกในการจัดเก็บ ความเย็นที่ทั่วถึง อุณภูมิในแต่ละส่วนของตู้เย็นมีความเหมาะสมสำหรับการแช่อาหารสด อาหารผักผลไม้ต่างๆ ยังไงตู้เย็น 2 ประตู ก็ตอบโจทย์การใช้งานมากกว่า

ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5


หากต้องการตู้เย็นประหยัดไฟ ให้สังเกตุได้ที่ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่แปะเอาไว้บนตัวเครื่อง ซึ่งตัวเลขเบอร์ 5 ก็จะบ่งบอกว่าตู้เย็นเครื่องนั้นๆ เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟที่มีประสิทธิภาพ และผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานที่เป็นมาตราฐาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่ > เครื่องใช้ไฟฟ้ากับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5


ตำแหน่งการวางตู้เย็น


นอกจากเรื่องของคุณสมบัติความประหยัดไฟของตู้เย็นแล้ว เรายังสามารถประหยัดไฟได้อีก ด้วยการเลือกตำแหน่งในการจัดวางตู้เย็นภายในบ้าน เช่น…

ติดตั้งตู้เย็นบนพื้นเรียบ : การจัดวางตู้เย็น จะต้องวางไว้ในตำแหน่งที่พื้นเรียบ ไม่ลาดเอียง แต่ถ้าหากวางแล้วไม่ได้ระดับจริงๆ ก็สามารถปรับระดับได้ด้วยการหมุนขาตั้งตู้เย็นได้ โดยตำแหน่งที่วางจะต้องมีความมั่นคงแข็งแรง เพราะหากพื้นที่เราขัดวางไม่มีความสม่ำเสมอ อาจจะทำให้ตู้เย็นเกิดอาการสั่น ส่งผลให้เกิดเสียงดัง

บริเวณอากาศถ่ายเท : บริเวณที่เราทำการติดตั้งตู้เย็น จะต้องเป็นพื้นที่ที่อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก โดยให้เว้นระยะห่างด้านหลังตู้เย็นกับกำแพงบ้านประมาณ 15 เซนติเมตร ตรงส่วนนี้มีความสำคัญมาก เนื่องจากหากอากาศถ่ายเทไม่สะดวก คอมเพลสเซอร์จะทำงานหนักส่งผลให้กินไฟมากกว่าเดิม

ห่างไกลความร้อน : การจัดวางตู้เย็น จะต้องวางให้ห่างจากแสงแดดที่สาดส่องผ่านหน้าต่าง เพื่อป้องกันความร้อนที่จะส่งผลให้ตู้เย็นทำงานหนักมากขึ้น รวมถึงห้ามจัดวางตู้เย็นใกล้กับแหล่งความร้อน หรือเอาผ้าคลุมตู้เย็น เพราะตู้เย็นจะระบายความร้อนได้ไม่ดี

ห่างไกลความชื้น : การจัดวางตู้เย็น จะต้องวางไว้ในบริเวณที่ไม่มีความชื้น ห่างไกลจากบริเวณที่ใช้น้ำ เช่นตรงบริเวณอ่างล้างจาน เป็นต้น เพราะความชื้นจะทำให้ตู้เย็นเกิดสนิมและหากมีกระแสไฟฟ้ารั่วก็จะเป็นอันตรายอย่างมาก

ควบคุมอุณภูมิให้เหมาะสม : การตั้งค่าอุณภูมิภายในตู้เย็น จะต้องตั้งให้พอเหมาะ ไม่ควรตั้งอุณภูมิสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานในการใช้งานตู้เย็นมากที่สุด ถ้าไม่รู้ว่าต้องตั้งอุณภูมิเท่าไหร่ ให้ดูจากคู่มือ หรือปรึกษาจากพนักงานขายได้เลย

ตรวจสอบขอบยาง : ขอบยางประตูตู้เย็น ต้องหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอ เพื่อเช็คว่าไม่มีรอยรั่ว หรือยางเสื่อมสภาพ ทำให้ตู้เย็นปิดได้ไม่สนิท ส่งผลให้ความเย็นไหลออกจากภายใน ตู้เย็นก็จะเปลืองไฟมากขึ้น

ไม่นำของร้อนเข้าแช่ : เป็นสิ่งที่เราน่าจะรู้กันอยู่แล้วว่า หากของยังมีความร้อน ห้ามนำเข้าแช่ตู้เย็น เพราะจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักมากขึ้น กินไฟมากกว่าเดิม

ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเทคนิคการเลือกตู้เย็น การติดตั้งและหลักการใช้งานตู้เย็น สำหรับการประหยัดไฟเบื้องต้น ที่เราทุกคนจะต้องเรียนรู้และเก็บนำเคล็ดลับเหล่านี้ไว้ทำตามที่บ้าน รับรองว่าจะสามารถช่วยให้คุณประหยัดไฟได้มากขึ้นอย่างแน่นอน

วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ประเภท “ปั๊มน้ำแรงดัน” เครื่องเพิ่มแรงดันน้ำคู่บ้าน ที่คุณคู่ควร!

ปั๊มน้ำอัตโนมัติ เป็นอุปกรณ์ช่วยเพิ่มแรงดันน้ำ สำหรับใช้งานตามบ้านเรือน หรืออาคารสถานที่ต่างๆ ปั๊มน้ำช่วยให้การส่งน้ำไปยังจุดต่างๆภายในบ้านมีแรงดันที่สม่ำเสมอ ไม่ไหลเบาและไหลแรงจนเกินไป ถึงแม้ว่าจะเปิดใช้น้ำหลายจุดภายในบ้าน ก็ยังสามารถใช้งานได้อย่างปกติ เรียกได้ว่า น้ำไหลแรงดีไม่มีตก !


ปั๊มน้ำแบบถังกลม (ปั๊มน้ำอัตโนมัติถังแรงดัน)


ปั๊มน้ำแบบถังกลม หรือปั๊มน้ำแรงดัน เป็นปั๊มน้ำที่มีมาแต่ยุคเริ่มแรก การทำงานใช้หลักการให้น้ำไหลเข้าแทนที่อากาศ และเมื่อเปิดใช้น้ำตามจุดต่างๆภายในบ้าน แรงดันของอากาศก็จะทำการดันน้ำยังจุดใช้งานภายในบ้าน การบีบอัดน้ำในถังแรงดันทำให้น้ำไหลออกมาแรงมากยิ่งขึ้น

ปั๊มน้ำแบบถังกลม จะเหมาะกับการใช้งานตามบ้านเรือนทั่วไป ราคาค่อนข้างถูกกว่าปั๊มน้ำแบบแรงดันคงที่ สามารถดูแลรักษาได้ง่าย อะไหล่สำหรับซ่อมแซมหาได้ง่าย และมีราคาที่ถูกมากกว่าอีกด้วย แต่…

ข้อเสียของปั๊มน้ำแรงดัน


แต่ปั๊มน้ำแรงดันก็มีข้อเสียอยู่ คือเรื่องของแรงดันน้ำ ที่ไม่ค่อยสม่ำเสมอ เนื่องจากปั๊มน้ำแรงดัน เป็นการใช้แรงดันอากาศเพื่อสูบฉีดน้ำกระจายไปตามจุดใช้งาน ซึ่งหากมีการเปิดใช้งานหลายจุด แรงดันน้ำที่ส่งไปแต่ละจุดอาจจะแรงไม่เท่ากัน อีกทั้งตัวถังส่วนใหญ่ก็ผลิตมาจากวัสดุเหล็กชนิดบาง ทำให้เวลาปั๊มน้ำทำงานจะเกิดเสียงดังรบกวนอีกด้วย


ข้อควรระวัง หากใช้งานปั๊มน้ำแรงดันเป็นระยะเวลานาน จะต้องระวังในเรื่องของการเกิดสนิมบริเวณตัวถัง เนื่องจากวัสดุเคลือบกันสนิมอาจจะหมดอายุ ดังนั้นควรดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพอย่างยาวนาน แต่ในปัจจุบันมีตัวเลือกวัสดุถังที่ผลิตจากสแตนเลสมากขึ้น เนื่องจากวัสดุสแตนเลสมีความทนทานมากว่า ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาปั๊มน้ำไว้ใช้งานที่บ้าน แนะนำให้เลือกเป็นถังสแตนเลสไว้ใช้งานไปเลยจะดีที่สุด

ปั๊มน้ำแบบถังเหลี่ยม (ปั๊มน้ำแรงดันคงที่)


ปั๊มน้ำแบบถังเหลี่ยม หรือ ปั๊มน้ำแบบแรงดันคงที่ เป็นปั๊มน้ำที่สามารถให้แรงดันน้ำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าคุณจะเปิดใช้น้ำอยู่ที่จุดไหนของบ้าน แรงดันน้ำก็ยังคงมีความแรงคงที่ตลอด โดยการทำงานมีการนำแก๊สไนโตรเจนเข้ามาช่วยเพิ่มแรงดันให้การส่งจ่ายน้ำมีปริมาณที่สม่ำเสมอ

ข้อเสียของปั๊มน้ำแรงดัน


อันดับแรกเลยคือเรื่องของราคา ปั๊มน้ำแบบแรงดันคงที่จะมีราคาที่สูงมากกว่าปั๊มน้ำแรงดัน และหากเกิดรอยรั่วซึม จะไม่สามารถซ่อมเองได้ ทำได้เพียงต้องถอดเปลี่ยนเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องของสนิมเท่าไหร่ เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้พลาสติกในการผลิตปั๊มน้ำประเภทนี้มากขึ้น เพียงแต่ต้องระวัง พยายามอย่าให้โดดแดดมากนัก เพราะจะทำให้อายุการใช้งานสั้นมากกว่าที่ควรจะเป็น


หากคุณกำลังมองหาปั๊มน้ำอัตโนมัติคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นปั๊มน้ำแบบกลม หรือปั๊มน้ำแบบเหลี่ยม ลองแวะเข้ามาเลือกชมสินค้าเครื่องปั๊มน้ำลดราคาสุดคุ้มกันได้ที่ Homepro Online หรือหากต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้าน ก็สามารถเลือกช้อปปิ้งออนไลน์ได้เลยทันทีที่ www.homepro.co.th

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2562

เลือกตู้เย็นคู่ครัว ใช้งานได้ชัวร์ แบบนี้สิถูกใจ!

ตู้เย็น เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องครัวหลักๆที่ทุกบ้านจะต้องมีไว้ใช้งาน ซึ่งแน่นอนว่าการเลือกตู้เย็นสักเครื่องมาใช้งานที่บ้าน จะต้องมีหลายปัจจัยในการพิจารณา เพื่อเลือกตู้เย็นที่เหมาะสมกับการใช้งาน และคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่เราจ่ายไปมากที่สุด


โดยเราสามารถพิจารณาเรื่องพื้นฐานกันก่อนได้เบื้องต้นคือ เรื่องของประเภทตู้เย็น เช่น ตู้เย็น 1 ประตู, ตู้เย็น 2 ประตู หรือตู้เย็นประเภทอื่นๆ รวมถึงเรื่องของขนาดตู้เย็น คุณสมบัติพื้นฐาน ราคาตู้เย็น ความประหยัดพลังงาน และข้อจำกัดของพื้นที่ภายในบ้าน ปัจจัยเหล่านี้เป็นเรื่องหลักๆสำหรับการเลือกตู้เย็นให้เหมาะสมมากที่สุด …

ขนาดความจุของตู้เย็น


ขนาดความจุของตู้เย็น เป็นสิ่งที่เราต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก ขนาดจะต้องไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป โดยพิจารณาเลือกจากจำนวนสมาชิกภายในครอบครัว และพฤติกรรมการใช้งานตู้เย็นในแต่ละวัน ยกตัวอย่างเช่น

  • สมาชิกภายในบ้าน 2-3 คน ควรเลือกใช้ตู้เย็นขนาด 6-10 คิว
  • สมาชิกภายในบ้าน 4-5 คน ควรเลือกใช้ตู้เย็นขนาด 10-15 คิว
  • สมาชิกภายในบ้านมากกว่า 6 คนขึ้นไป ควรเลือกใช้ตู้เย็นขนาด 15 คิวขึ้นไป

นอกจากเรื่องของขนาดตู้เย็นแล้ว ยังต้องพิจารณาเรื่องของพื้นที่ในการจัดวางประกอบด้วย อย่าลืมวัดขนาดกว้างxลึกxสูงของตู้เย็นกันด้วย เพราะถึงแม้ว่าสมาชิกภายในบ้านของเรามีจำนวนมาก ต้องเลือกตู้เย็นที่มีขนาดใหญ่มาใช้งาน แต่พื้นที่ที่บ้านไม่เพียงพอต่อการจัดวาง จึงต้องจำเป็นที่จะต้องลดขนาดตู้เย็นลงหน่อย เพื่อที่จะสามารถจัดวางติดตั้งใช้งานได้


โดยตำแหน่งสำหรับจัดวางตู้เย็น จะต้องเป็นจุดที่สามารถระบายความร้อนได้ดี ไม่ทึบจนเกินไป ควรเว้นระยะห่างด้านหลังตู้เย็นกับผนังบ้านเอาไว้ด้วย สักประมาณ 20 เซนติเมตร ด้านข้างประมาณ 30 เซนติเมตร เพื่อให้มีระยะในการเปิดปิด และระบายความร้อนได้อย่างเต็มที่

ตู้เย็นประหยัดไฟเบอร์ 5


สิ่งที่สำคัญที่สุดในการพิจารณาเลือกตู้เย็น อันที่จริงก็เครื่องใช้ไฟฟ้าแทบจะทุกชนิด คือฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นป้ายที่บ่งบอกว่าตู้เย็นรุ่นนี้สามารถช่วยประหยัดไฟได้มากกว่า เป็นไปตามมาตราฐานที่ กฟผ. และ กระทรวงพลังงาน สามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ได้ที่ > เครื่องใช้ไฟฟ้ากับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5

การเลือกตู้เย็นประหยัดไฟจะต้องเลือกที่มีสัญลักษณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 ซึ่งเป็นค่าประสิทธิภาพการประหยัดไฟสูงสุด โดยตัวเลขประหยัดไฟจะมีทั้งหมด 5 ระดับด้วยกันถ้าเปรียบเทียบเบอร์ฉลากกับค่าไฟที่ต้องเสียรายปีได้ ดังนี้

  • ตู้เย็นฉลากเบอร์ 3 : กินไฟ 332 หน่วย/ปี ต้องเสียค่าไฟประมาณ 840 บาท/ปี
  • ตู้เย็นฉลากเบอร์ 4 : กินไฟ 262 หน่วย/ปี ต้องเสียค่าไฟประมาณ 644 บาท/ปี
  • ตู้เย็นฉลากเบอร์ 5 : กินไฟ 220 หน่วย/ปี ต้องเสียค่าไฟประมาณ 573 บาท/ปี


คุณสมบัติพื้นฐานของตู้เย็น


คุณสมบัติพื้นฐานตู้เย็นที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบ ก็จะเป็นเรื่องขององค์ประกอบภายในตู้เย็น ว่ามีพื้นที่สำหรับวางของ อาหาร เครื่องดื่มเพียงพอหรือไม่ โดยหลักๆแล้วเราจะดูจากส่วนประกอบหลักๆดังนี้

  • ชั้นวางของภายในตู้เย็น : สามารถถอดเข้าออกได้ เพื่อปรับขนาดช่องเก็บของและการทำความสะอาด
  • ลิ้นชักช่องแช่ : จะต้องเป็นช่องแยกออกมาต่างหาก เพื่อปรับอุณภูมิให้เหมาะสมตามอาหารที่แช่
  • ช่องแช่ผักและผลไม้ : ต้องควบคุมความเย็นและความชื้นให้เหมาะสม เพื่อความสดของผักผลไม้อย่างยาวนาน
  • ชั้นวางข้างประตู : จะต้องมีพื้นที่วางกว้างและเพียงพอในการวางแช่น้ำ เครื่องดื่มต่างๆได้ดี


ราคาตู้เย็นต้องคุ้มค่า


ราคาตู้เย็น เป็นปัจจัยที่สามารถทำให้เราตัดสินใจเลือกตู้เย็นได้ง่ายมากขึ้น หากคุณกำหนดงบประมาณไว้ตั้งแต่ต้น โดยเราสามารถคำนวณความคุ้มค่าของราคา และอายุการใช้งานของตู้เย็นแต่ละรุ่นได้ เพื่อเปรียบเทียบว่ารุ่นไหนที่มีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุด ด้วยสูตรการคำนวณดังนี้

ราคาตู้เย็น / จำนวนปีที่มีการรับประกัน
ราคาตู้เย็น / จำนวนปีที่มีการรับประกัน + ค่าไฟต่อปีที่ระบุบนป้ายเบอร์ 5 / 365 วัน

ดีไซน์ตู้เย็นทันยุคสมัย


นอกจากเราจะพิจารณากันเรื่องของขนาด ราคา และคุณสมบัติพื้นฐานแล้ว เราควรนำเรื่องของดีไซน์ความสวยงามมาตัดสินร่วมด้วย เพราะตู้เย็น เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะอยู่คู่บ้านเราไปอีกนาน ดังนั้นการเลือกตู้เย็นที่มีดีไซน์เรียบง่าย แต่ทันสมัย เน้นโทนสีดำ สีเทา สีเงิน เป็นหลัก จะช่วยทำให้ตู้เย็นดูใหม่ ทันยุคอยู่เสมอ


ไม่ว่าตู้เย็นจะมีราคาสูง ฟังก์ชั่นมากมายแค่ไหน แต่หากเลือกซื้อมาแล้วเราใช้งานได้ไม่ครบฟังก์ชัน ก็ถือว่าไม่คุ้มสักเท่าไหร่ ดังนั้นการเลือกตู้เย็นอย่างเหมาะสม ควรเลือกให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานและจำนวนสมาชิกภายในครอบครัวของเราเป็นหลัก ส่วนเรื่องของราคา ดีไซน์ตู้เย็น ก็เป็นปัจจัยย่อยเข้ามาประกอบการตัดสินใจ

หากคุณต้องการเลือกซื้อตู้เย็นราคาถูก พร้อมโปรโมชั่นลดราคา และบริการจัดส่งติดตั้งอย่างรวดเร็ว สามารถแวะเข้ามาเลือกชมสินค้าตู้เย็นหลายแบรนด์ชั้นนำได้ที่ www.homepro.co.th

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2562

เครื่องใช้ไฟฟ้ากับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5

เครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น แอร์บ้าน เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า เครื่องทำน้ำอุ่น ฯลฯ ล้วนแต่เป็นอุปกรณ์และเครื่องมือที่มีความสำคัญในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราทุกคน แต่ขึ้นชื่อว่าเครื่องใช้ไฟฟ้า ดังนั้นการทำงานก็จำเป็นที่จะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการใช้งานแน่นอน และหากเราใช้งานเยอะ ค่าไฟก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก ดังนั้นเราจึงต้องเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติช่วยประหยัดพลังงานได้มากที่สุดมาใช้งาน ก็จะทำให้เราประหยัดค่าไฟได้มากกว่าเดิม


เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟ


อย่างที่เราทราบกันดีว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน จะมีป้ายประหยัดไฟเบอร์ 5 ติดเอาไว้เพื่อบ่งบอกว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องนี้มีประสิทธิภาพในการประหยัดไฟสูงสุด ไบอกข้อมูลเบื้องต้นต่างๆของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิด ค่าใช้จ่ายต่อปี เพื่อเป็นข้อมูลพิจารณาประกอบในการเลือกตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีป้ายประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานที่เป็นมาตราฐาน โดยฉลากประหยัดไฟมีตั้งแต่เบอร์ 1 ถึง เบอร์ 5 โดยเบอร์ 5 เป็นตัวบ่งชี้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถประหยัดพลังงานได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นฉลากที่รับประกันการประหยัดพลังงานที่ออกโดยหน่วยงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกระทรวงพลังงาน เราจะต้องสังเกตุลายน้ำที่เป็นสัญลักษณ์รูปโลกุตระ และต้องมีชื่อองค์กรทั้ง 2 แห่งอยู่บนฉลากด้วย


ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 บอกอะไรเราได้บ้าง?


ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็อย่างที่เห็นกันว่ามีตัวเลขและข้อความเยอะแยะเต็มไปหมด บางทีเราก็คงจะดูไม่ออกว่า ตัวเลขบนฉลากหมายถึงอะไรบ้าง เพราะที่เราดูหลักๆ ก็คงจะดูแค่เบอร์ 5 กันใช่ไหมล่ะ? ดังนั้นวันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า บนฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จะบอกอะไรเราได้บ้าง !

  • ตัวเลขบอกประสิทธิภาพ ระดับ 1 ถึง 5 ยิ่งเลขมาก ยิ่งประหยัดไฟ
  • รุ่นของสินค้า และข้อความระบุปีที่ทำการทดสอบประสิทธิภาพ
  • ข้อความระบุประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้า
  • ลายน้ำสัญลักษณ์ของกระทรวงพลังงาน
  • ตัวเลขการใช้พลังงานต่อปี และ ค่าไฟต่อปี
  • แสดงชื่อหน่วยงานที่กำกับดูแล กฟผ. และ กระทรงพลังงาน


หากมีข้อมูลตามที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด คุณสามารถแน่ใจได้เลยว่า ฉลากประหยัดไฟนั้นเป็นฉลากแท้ ได้รับการยืนยันจากหน่วยงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและกระทรวงพลังงานอย่างถูกต้องตามมาตราฐาน

วิธีการคำนวณค่าใช่จ่ายต่อปี


เราสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายต่อปีได้ง่ายๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 สามารถช่วยให้เราประหยัดค่าไฟได้จริง ด้วยการนำตัวเลขมาเข้าสูตรดังนี้ …..

ค่าใช้จ่าย (บาท) = หน่วยพลังงานไฟฟ้า (kWh) × ค่าพลังงานไฟฟ้าต่อหน่วย

ตัวอย่างการคำนวณ: กำหนดให้แอร์บ้านใช้งาน 8 ชั่วโมง/วัน หน่วยพลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 954.62 kWh และ ค่าพลังงานไฟฟ้าต่อหน่วยอยู่ที่ 3.28 บาท/หน่วย สามารถคำนวณผลการประหยัดค่าใช้จ่ายต่อปีได้ดังนี้

ค่าใช้จ่าย (บาท) = 954.62 kWh x 3.28 บาท
ค่าใช้จ่าย (บาท) = 3131.14 บาท

การเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 นอกจากจะช่วยลดค่าไฟได้มากขึ้นแล้ว ยังสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดร์ออกไซด์ได้ถึง 9.87 ล้านตันต่อปีเลยทีเดียว

ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าสักเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดใดก็ตาม อย่าลืมเก็บเรื่องของฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 มาพิจารณาประกอบกันด้วยนะคะ คุณสามารถเข้ามาเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน และลดราคาถูกสุดคุ้มกันได้ที่ www.homepro.co.th

BTU แอร์บ้านกับขนาดพื้นที่ ต้องคิดยังไง?

แอร์บ้าน เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่แทบจะขาดไม่ได้เลยตามบ้านเรือน อาคารและสำนักงาน ด้วยอากาศบ้านเราที่เต็มไปด้วยความร้อนระอุ เหมือนกับมีพระอาทิตย์มาอยู่บนหลังคาบ้านแบบนี้ บอกเลยว่าแค่พัดลมก็คงเอาไม่อยู่แน่นอน

ดังนั้นการเลือกแอร์บ้านมาติดตั้งใช้งานที่บ้าน จะสามารถช่วยคลายร้อน เพิ่มความเย็นชื่นใจให้กับที่อยู่อาศัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่การจะเลือกแอร์บ้านขนาดให้เหมาะสมกับบ้านของเรา จะต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง ?


พิจารณาเลือกแอร์บ้านให้เหมาะสม

การเลือกแอร์บ้านให้เหมาะสมกับบ้านของเรา จะต้องพิจารณาหลักๆเลยคือเรื่องของ ขนาดของแอร์ว่าเป็นแอร์กี่ BTU ขนาดของพื้นที่ห้องที่เราจะทำการติดตั้ง และตำแหน่งของหน้าต่างบ้าน ตรงส่วนที่รับแสงแดดจากภายนอก ว่าอยู่ตรงจุดไหน คุณสามารถตรวจสอบขนาด BTU ให้เหมาะสมกับห้องที่บ้านได้ด้วยการเทียบตารางดังนี้

บีทียูห้องปกติ (ตร.ม.)ห้องที่โดนแดด (ตร.ม.)
900012 - 1411 - 13
1200016 - 2014 - 18
1800020 - 2821 - 27
2100028 - 3525 - 32
2400032 - 4028 - 35
2600035 - 4430 - 39
3000040 - 5035 - 45
3600048 - 6042 - 54
4000056 - 6552 - 60
4800064 - 8056 - 72
6000080 - 10070 - 90

การเลือก BTU แอร์บ้านให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง จะสามารถช่วยให้เราประหยัดค่าไฟได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งหากเราเลือกแอร์บ้าน BTU ต่ำเกินไป แอร์บ้านก็จะทำงานหนัก เพื่อที่จะปรับอุณภูมิให้ได้ถึงตามที่เราตั้งค่าเอาไว้ แต่หากเราเลือกแอร์บ้าน BTU สูงกว่าขนาดของห้อง ก็จะทำให้เราเปลืองค่าไฟโดยใช่เหตุ

ดังนั้นการเลือก BTU แอร์บ้านให้เหมาะสม จะช่วยทำให้เราสามารถประหยัดค่าไฟ และใช้งานแอร์บ้านได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่หากคุณอยากประหยัดไฟได้มากขึ้นกว่าเดิม ก็ต้องเลือกแอร์บ้านเป็นระบบ Inverter รวมถึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานอย่างเช่น ก่อนเปิดแอร์ ให้ปิดประตูหน้าต่างให้สนิทเสียก่อน, เปิดพัดลมเพื่อไล่ความร้อนก่อนเปิดแอร์, ไม่ควรนำความชื้นหรือความร้อนเข้ามาในห้อง และที่สำคัญคือต้องหมั่นตรวจเช็คสภาพแอร์บ้าน และล้างแอร์เป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2562

แอร์บ้านธรรมดา กับ แอร์บ้าน Inverter แตกต่างกันอย่างไร?

แอร์บ้าน เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยเพิ่มความเย็นสบายภายในบ้าน โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนบ้านเรา ความร้อนระอุเหมือนกับพระอาทิตย์โคจรอยู่ใกล้หลังคาบ้าน! บอกเลยว่าแค่พัดลม บางทีก็เอาไม่อยู่… ดังนั้นแอร์บ้านจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ที่แทบจะทุกครอบครัวมีแอร์บ้านไว้ใช้งานคลายความร้อน ปรับอุณภูมิภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด


แอร์บ้านกับระบบ Inverter


แต่แอร์บ้านปัจจุบันก็มีหลากหลายรูปแบบ หากคุณเคยลองไปเดินตามห้างสรรพสินค้าตามหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า คงจะพอคุ้นหูกับคำว่า Inverter กันอยู่ เพราะเดี๋ยวนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าเกือบจะทุกชนิด เปลี่ยนมาใช้เป็นระบบ Inverter กันหมดแล้ว เนื่องจากระบบ Inverter เป็นระบบการทำงานที่ช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแอร์บ้านก็เป็น 1 ในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นำระบบ Inverter เข้ามาใช้งานเพื่อสร้างความเย็นฉ่ำให้กับบ้านของเรา พร้อมกับช่วยประหยัดค่าไฟมากกว่าเดิม!

แอร์บ้านธรรมดา กับ แอร์บ้าน Inverter


แล้วแอร์บ้านธรรมดา กับ แอร์บ้าน Inverter มีความแตกต่างกันอย่างไร ทำไมถึงบอกว่าแอร์บ้านระบบ Inverter ประหยัดพลังงานมากกว่า … ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่าระบบ Inverter คืออะไร?

ระบบ Inverter คืออะไร?


ระบบ Inverter คือ ระบบมอเตอร์แบบกระแสตรง หรือคอมเพลสเซอร์แบบสวิง ไม่มีช่องว่างระหว่างแกนหมุน ทำให้ลดแรงเสียดทานขณะตัวเครื่องทำงาน คอมเพลสเซอร์จะ Start การทำงานเพียงครั้งเดียวตอนเริ่มต้น และจะทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยใช้วิธีการลดรอบการทำงานเมื่ออุณภูมิถึงที่ตั้งค่า และกลับมาเพิ่มรอบการหมุนเพื่อคงอุณภูมิให้ได้ตามที่กำหนด


ติดตามอ่านระบบ Inverter เพิ่มเติมได้ที่ > ระบบ INVERTER คืออะไร ช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างไรหนอ ?

การทำงานของคอมเพลสเซอร์


ระหว่างแอร์บ้านธรรมดา กับแอร์บ้าน Inverter ความต่างมันอยู่ที่การทำงานของคอมเพลสเซอร์นี่แหละ อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าระบบ Inverter จะ Start เครื่องทำงานเพียงครั้งเดียวตอนเริ่มต้น และปรับอุณภูมิด้วยการลดเพิ่มรอบการหมุน ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าระบบทั่วไปถึง 20-30%

ต่างกับแอร์บ้านธรรมดาทั่วไป ที่เริ่มต้น Start เครื่องทำงาน ทำอุณภูมิให้ได้ตามที่กำหนดแล้ว คอมเพลสเซอร์ก็จะตัดการทำงาน และต้อง Start เครื่องใหม่อีกรอบเพื่อปรับอุณภูมิห้องอีกครั้งเมื่ออุณภูมิเปลี่ยน ดังนั้นการ Start เครื่องหลายครั้ง เป็นการทำงานที่เปลืองพลังงานไฟฟ้ามาก อีกทั้งยังส่งเสียงดังรบกวนระหว่างเครื่องทำงานอีกด้วย


แอร์บ้าน Inverter ทำงานเงียบมากกว่า


หากเทียบกันเรื่องของความเงียบ แน่นอนว่าแอร์บ้าน Inverter ทำงานเงียบมากกว่าแอร์บ้านธรรมดาทั่วไปแน่นอน เพราะเป็นระบบการทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการตัดรอบการทำงานคอมเพลสเซอร์แบบแอร์ปกติ แต่เป็นการลดและเพิ่มรอบการทำงาน จึงทำให้ไม่เกิดเสียงดังขณะเปิดใช้งาน หรือหากมีเสียงก็เบามากๆ ไม่เป็นการรบกวนแต่อย่างใด

ราคาแอร์บ้าน Inverter


เชื่อว่าหลายคนคงเคยสังเกตุกันอยู่บ้างว่าแอร์บ้าน Inverter จะมีราคาที่สูงมากกว่าแอร์ปกติทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่าด้วยคุณสมบัติต่างๆ ที่ช่วยลดการใช้พลังงาน และที่สำคัญแอร์บ้านจะมีความทนทานและสามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น หากคุณมีงบประมาณมากเพียงพอ ก็อยากแนะนำให้เลือกแอร์บ้าน Inverter ไว้ใช้งานไปเลย เพราะหากคิดถึงความคุ้มค่าเรื่องของการประหยัดไฟในระยะยาว ถือว่าคุ้มทุนแน่นอนภายใน 2 ปี ซึ่งหากเทียบกับแอร์บ้านปกติทั่วไป อาจจะใช้เวลาคุ้มทุนนานถึง 5-10 ปีเลยทีเดียว

สำหรับใครที่กำลังหาแอร์บ้านเครื่องใหม่ไปใช้งาน แนะนำให้เลือกแอร์บ้าน Inverter ไว้ใช้งานกันไปเลย รับรองว่าไม่มีผิดหวังอย่างแน่นอน สั่งซื้อแอร์บ้าน Inverter ผ่านเว็บออนไลน์ชั้นนำของประเทศไทยได้ที่ Homepro.co.th

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2562

เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี?

เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี? เป็นคำถามที่หลายคนอยากจะได้คำตอบ เพราะเครื่องฟอกกาอาศในท้องตลาดบ้านเรา มีให้เลือกหลายยี่ห้อเหลือเกิน ยี่ห้อนั้นก็ดัง ยี่ห้อนี้ก็ฟังก์ชันดี ตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะเลือกเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนมาใช้งานที่บ้าน…


วันนี้แอดมินเลยหยิบยกเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อดังๆในตลาดบ้านเรามาให้เพื่อนๆได้อ่านรายละเอียดกัน พร้อมแนะนำเครื่องฟอกอากาศรุ่นขายดี ที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพการกรองอากาศ รวมถึงแหล่งจำหน่ายสินค้าเครื่องฟอกอากาศรับประกันคุณภาพ ให้เพื่อนๆตามไปช้อปปิ้งได้เลยทันที!

เครื่องฟอกอากาศ Sharp


เครื่องฟอกอากาศ Sharp เป็นเครื่องฟอกอากาศแบรนด์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับความไว้วางใจจากคนไทยมายาวนาน ความโดดเด่นของเครื่องฟอกอากาศ Sharp คือเทคโนโลยี Plasmacluster ที่มีเฉพาะใน Sharp (หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับโฆษณานี้ดี)


เทคโนโลยี Plasmacluster จะทำการปล่อยอนุภาคไฟฟ้าที่มีความเข้มข้นสูงออกมาในอากาศ มีทั้งอนุภาคประจุบวก (H+) และ ประจุลบ (OZ-) ปล่อยออกมาสลับสับเปลี่ยนกันไป อนุภาคไฟฟ้าจะทำหน้าที่ทำลายผนังของเซลล์เชื้อรา (Mold) ไวรัส (Virus) และ แบคทีเรีย (Bacteria) ส่งผลทำให้อากาศสะอาดบริสุทธิ์

เทคโนโลยี Plasmacluster นอกจากช่วยกำจัดเชื้อไวรัสต่างๆแล้ว ยังช่วยขจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นอับชื้น หรือกลิ่นที่ติดอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่านต่างๆได้ดีอีกด้วย ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

 

นอกจากนี้เครื่องฟอกอากาศ Sharp ยังมาพร้อมกับแผ่นกรอง HEPA ที่สามารถดักจับฝุ่นละอองต่างๆภายในอากาศที่มีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97%

เครื่องฟอกอากาศ SHARP FP-J30TA-B


เครื่องฟอกอากาศ SHARP FP-J30TA-B เป็นเครื่องฟอกอากาศราคาประมาณ 3 พันบาท แต่มีประสิทธิภาพการป้องกันฝุ่นได้ดีเลยทีเดียว รุ่นนี้เป็นที่นิยมมากเพราะนอกจากจะสามารถป้องกันฝุ่นได้ดีแล้ว ยังมีดีไซน์ที่สวยงาม ขนาดเล็กกะทัดรัดพอเหมาะกับห้องขนาดเล็กประมาณ 23 ตารางเมตร


เครื่องฟอกอากาศ SHARP KC-G40TA-W 28SQM


เครื่องฟอกอากาศ SHARP KC-G40TA-W 28SQM เป็นเครื่องฟอกอากาศราคาไม่เกิน 15,000 บาท ตัวเครื่องมีดีไซน์ที่ทันสมัย หน้าจอแบบสัมผัส พร้อมระบบเซ็นเซอร์ 6 ประเภท ที่สามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมภายในบ้านได้อย่างแม่นยำ ทั้งฝุ่นละอองทั่วไป หรือฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 PM รวมไปถึงกลิ่นอับ เชื่อโรคและเชื้อแบคทีเรีย โดยเครื่องฟอกอากาศ Sharp รุ่นนี้จะเหมาะกับขนาดห้องประมาณ 21-30 ตารางเมตร


เครื่องฟอกอากาศ BWELL


เครื่องฟอกอากาศ BWELL เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงจากทางฝั่งยุโรป แบรนด์นี้จะเน้นผลิตเครื่องฟอกอากาศเป็นหลัก ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับบุคคลทั่วไป ที่ต้องการความอ่อนโยน โดยเฉพาะเด็กทารก หรือผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้

เครื่องฟอกอากาศ BWELL นิยมใช้อย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ โรงพยาบาลหรือหน่วยงานราชการต่างๆ เนื่องจากเป็นเครื่องฟอกอากาศที่ไม่มีอุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดฝุ่นดำ ที่ส่งผลให้ปอดเกิดการระคายเคือง ถึงแม้ว่าเครื่องฟอกอากาศ BWELL จะมีราคาค่อนข้างสูงกว่ายี่ห้ออื่นสักหน่อย แต่รับรองเลยว่าคุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอน

เครื่องฟอกอากาศ BWELL AC-2104 40SQM


เครื่องฟอกอากาศ BWELL AC-2104 40SQM เป็นเครื่องฟอกอากาศราคาประมาณ 15,000 บาท เหมาะสำหรับใช้ภายในห้องขนาด 20-40 ตารางเมตร ที่มาพร้อมกับระบบฟอกอากาศถึง 7 ขั้นตอน สามารถกรองได้ทั้งฝุ่นละออง ก๊าซพิษ และกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ อีกทั้งสามารถฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียในอากาศได้อีกด้วย


เครื่องฟอกอากาศ ELECTROLUX


เครื่องฟอกอากาศ Electrolux เป็นอีกแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้ามาจากสวีเดน ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ โดยเครื่องฟอกอากาศเป็นอีกกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าจากทางแบรนด์ Electrolux ที่มีความน่าสนใจ ทั้งทางด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพการทำงาน และความทนทาน ถึงแม้ว่าราคาสินค้าจะสูงกว่าแบรนด์อื่นสักหน่อย แต่หากเทียบกับคุณภาพที่ได้รับกลับมานั้น ถือว่าคุ้มค่ามากเลยทีเดียว

เครื่องฟอกอากาศ ELECTROLUX EAC415 60SQM


เครื่องฟอกอากาศ ELECTROLUX EAC415 60SQM เป็นเครื่องฟอกอากาศราคาไม่ถึง 20,000 บาท เหมาะกับห้องขนาดใหญ่ 60 ตร.ม. สามารถกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับดีไซน์ที่สวยทันสมัย และเทคโนโลยีที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดี นอกจากนี้เครื่องฟอกอากาศ Electrolux ยังมีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย เช่น ระบบตรวจจับคุณภาพอากาศ ระบบปรับเสียง 25-26 เดซิเบล แผ่นกรอง Carbon ที่เป็นตัวช่วยกำจัดกลิ่นได้ถึง 99% และแผ่นกรองฝุ่นแบบ HEPA ที่สามารถกรองฝุ่นได้ถึง 99.98%


สุดท้ายนี้ หากใครที่คิดว่าต้องการจะเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศไว้ใช้งานที่บ้านแน่นอน แต่ต้องการเลือกเครื่องฟอกอากาศรุ่นอื่นๆเพิ่มเติม นอกเหนือจากที่อยู่ในบทความนี้ ก็สามารถแวะเข้าไปเลือกชมอ่านรายละเอียดสินค้ากันได้ที่ เครื่องฟอกอากาศ Homepro